บ้านสุขภาพดี Healthy Home
สมัยนี้คำว่า “สุขภาพดี” ไม่ใช่แค่ไม่ป่วยไม่ไข้เท่านั้น แต่ตามนิยามสากลขององค์การอนามัยโลก หมายถึง การมีสุขภาพดีต้องดีทั้งร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณด้วย ซึ่งเรียกว่า Well Being นั่นคือ กายแข็งแรง สุขภาพจิตดี สมองปลอดโปร่ง จิตวิญญาณอยู่กันอย่างสมดุล จึงจะเรียกว่าสุขภาพดีและมีความสุขอย่างแท้จริง
การแสวงหาความสุขและความสุขภาพดีมีหลายช่องทาง รวมไปถึงการมี “บ้าน” ที่อาศัยเป็นศูนย์รวมของครอบครัว เป็นที่พักพิงทั้งกายและและเป็นจุดกำเนิดของการเจริญเติบโตทุก ๆ ด้านอีกด้วย
การสร้างบ้านในสมัยใหม่จึงไม่ใช่แค่สวยและถูกใจเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงคุณภาพชีวิต จิตใจ สังคมผู้อาศัยร่วมด้วย สำหรับแนวคิดของการสร้างบ้านเพื่อสุขภาพดีมีดังต่อไปนี้ค่ะ
บ้านปลอดภัย อยู่สบายใจ ไร้กังวล
บ้านที่ดี ต้องเป็นบ้านที่อยู่แล้วรู้สึกปลอดภัย ไม่วิตกกังวลว่าจะเกิดปัญหาภายหลัง การสร้างบ้านทุกหลังควรมีการออกแบบโครงสร้างหลักที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม เพื่อการรับน้ำหนักที่ถูกต้อง ไม่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย เช่น บ้านเอียง ดินทรุด เพดานถล่ม ผนังร้าว ฯลฯ เป็นต้น ความแข็งแรงของบ้านจึงถือเป็นหัวใจหลักของการมีชีวิตที่ดีและปลอดภัย
วางผังบ้านและสวน เพื่อสุขภาพแข็งแรง
โรคภัยไข้เจ็บของคนในบ้านส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ในที่แออัด อากาศไม่บริสุทธิ์ รับมลพิษจากขยะ หรือควันรถที่ใกล้ตัวบ้านมากไป ดังนั้นหากวางตำแหน่งบ้านและสวนในที่ดินจึงช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพได้
บ้านที่ดีควรอยู่ห่างจากถนน สร้างตัวบ้านให้อยู่ด้านใน ยกเว้นเมื่อต้องการทำการค้าติดถนน ควรแบ่งโซนให้ชัดเจนและปลูกต้นไม้เพื่อช่วยกรองมลพิษที่มาทางอากาศ
บ้านที่ดีไม่ควรแออัดเกินไป ออกแบบให้มีจุดรับอากาศทุกห้องของบ้าน รอบๆ บ้านมีต้นไม้เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจน และมีพื้นที่สำหรับการเดินเล่น ออกกำลังกาย จะช่วยให้คนในบ้านแข็งแรงขึ้น มากกว่าจะสร้างอาคารเต็มพื้นที่ แม้จะมีพื้นที่น้อยก็ควรจัดให้มีพื้นที่สีเขียวด้วยเสมอๆ
จัดบ้านให้สุขภาพดี
การจัดบ้านมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวางเฟอร์นิเจอร์ การเลือกทิศในการจัด การตกแต่งด้วยต้นไม้หรือโคมไฟ ล้วนส่งผลต่อสุขภาพทั้งสิ้น
1.ห้องนอน : เป็นห้องที่สำคัญมาก ต้องใช้พักผ่อน รีเซ็ทร่างกาย ไม่ควรหันหน้าต่างไปทางถนน ทำให้รับเสียงดังตลอดเวลา มีผลให้นอนหลับไม่สนิท ร่างกายอ่อนล้าไม่รู้ตัว หากเลี่ยงไม่ได้ให้ปลูกต้นไม้ไว้ข้างหน้าต่าง หากอยู่ชั้นล่างให้ยกเตียงสูงเพื่อระดับออกซิเจนในอากาศพอดีกับร่างกาย
2.ห้องนั่งเล่น : เป็นศูนย์รวมครอบครัว พบปะกันหรือรับแขก ควรมีแสงสว่างรอบให้มากที่สุด ติดหน้าต่างรอบด้านให้สว่างและรับอากาศปลอดโปร่งให้มาก กลางวันไม่ควรเปิดไฟเพราะทำให้ร้อน มีผลต่อจิตใจและใช้จ่ายค่าไฟมากขึ้นด้วย
3.ห้องครัว : ควรมีจุดระบายอากาศและความร้อนให้ดี ไม่งั้นจะทำลายสุขภาพคนในบ้านได้จากความร้อนและกลิ่นอับของอาหาร ห้องครัวเป็นจุดสร้างขยะ ควรใส่ใจระบบระบายน้ำไม่ให้อุดตัน เพื่อไม่ให้หมักหมมเชื้อโรคแบคทีเรียในบ้าน
4.ห้องน้ำ : ห้องน้ำควรแยกพื้นที่แห้งและเปียกให้ชัดเจนเพื่อลดความชื้นโดยรวม ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเชื้อราได้ง่าย ควรมีจุดระบายอากาศและรับแสงแดดเพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคเสมอๆ ที่สำคัญคือพื้นไม่ลื่น มีราวจับสำหรับเด็กและผู้สูงวัยให้ปลอดภัย ไม่เสี่ยงอุบัติเหตุในการใช้ห้องน้ำ
ปรับปรุงบ้านใหม่ฟื้นฟูสุขภาพ
เวลาที่บ้านมีคนป่วยเพิ่งออกจากโรงพยาบาลหรือมีผู้สูงอายุอยู่บ้าน ควรจัดห้องพักให้อยู่ด้านล่างเพื่อไม่ต้องขึ้นบันไดสูง มีห้องน้ำในตัว จะทำใหม่ถาวรหรือใช้แบบชั่วคราวก็ได้ ควรเพิ่มแสงสว่างทั้งจากหน้าต่างหรือแสงไฟจะให้ความรู้สึกสดใส เบิกบาน ไม่หมองเศร้า อาจใช้การตกแต่งรวมด้วย เช่น การจัดตำแหน่งวางแจกันดอกไม้ ภาพวาดสวย ๆ หรือมีจุดวางวิทยุฟังดนตรีจะช่วยให้ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุรู้สึกดีและ ฟื้นตัวเร็วขึ้นด้วย
หัวใจของบ้านสุขภาพดี คือบ้านที่อยู่แล้วสอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้อาศัย เมื่อวางผังบ้านให้ลงตัว จัดแต่งบ้านตามไลฟ์สไตล์แล้วจึงค่อยเติมการตกแต่งลงไป ก็จะช่วยให้ได้บ้านเพื่อสุขภาพดีไม่ยากค่ะ