การสร้างบ้านเป็นการทุ่มแรงเงิน แรงกายเพื่อจุดหมายปลายทางสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อน ซึ่งสมาชิกทุกคนสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขแม้มีไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน ดังนั้นการเริ่มสร้างบ้านจึงความมีผู้เชี่ยวชาญอย่างสถาปนิกในการออกแบบ ควบคุมดูแลงานสร้างทุกขั้นตอนจนแล้วเสร็จเป็นบ้านที่สมบูรณ์มีมาตรฐาน
สถาปนิกคือใคร?
สถาปนิก คือผู้ทำหน้าที่ในการออกแบบบ้านให้ตรงตามความต้องการของผู้พักอาศัย และเอื้อต่อการใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุดเพื่อรองรับใช้งานตามไลฟ์สไตล์ของสมาชิกแต่ละคน แต่มากกว่าการออกแบบ สถาปนิกยังเป็นผู้ช่วยที่ดีที่คอยอำนวยความสะดวก พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาแก่เจ้าของบ้านทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ
สถาปนิกสำคัญอย่างไร?
1. สถาปนิกรับฟังความต้องการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเจ้าของบ้าน
สถาปนิกมีบทบาทในการพูดคุย รับฟังความต้องการของสมาชิกในบ้าน เพื่อให้เข้าใจวัตถุประสงค์ ความต้องการ แล้วนำข้อมูลไปวิเคราะห์ออกแบบให้เหมาะสม ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามของรูปทรง มีฟังก์ชันรองรับการใช้งานของสมาชิกอย่างครอบคลุม และให้ความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย มีพื้นที่รองรับการพักอาศัยได้อย่างสะดวกสบาย
การรับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาชิกให้ได้มากที่สุด จะทำให้สถาปนิกเข้าใจความต้องการที่แตกต่าง หรือเข้าใจในจุดพิเศษที่ผู้พักอาศัยต้องการ
2. สถาปนิกแปลงแนวความคิดเป็นแบบบ้านที่ใช้งานได้จริง
สถาปนิกให้ความสำคัญกับความต้องการและสร้างแบบบ้านที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยขั้นแรกของการออกแบบสถาปนิกจะทำการร่างเบื้องต้นเพื่อเป็นแนวทางสิ่งที่เจ้าของบ้านต้องการ จากนั้นจึงพัฒนาลงรายละเอียดส่วนต่างๆ ให้เห็นภาพตรงกัน และปรับเปลี่ยนจนเจ้าของบ้านพอใจ
การออกแบบบ้านไม่ใช่เพียงความสวยงาม แต่มีมุมมองที่สร้างสรรค์เพื่อแบบบ้านที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ผู้พักอาศัยแต่ละคน รวมทั้งยังมีมาตรฐานตามข้อกำหนดกฎหมาย อยู่ในงบประมาณที่กำหนด และแข็งแรงทนทานใช้งานได้จริงในระยะยาว
3. สถาปินิกเป็นที่ปรึกษา พร้อมแก้ปัญหาในงานก่อสร้าง
ในทุกเรื่องของงานสร้างบ้านเพื่อมีปัญหา สถาปนิกในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์การออกแบบและดูแลการสร้างบ้านจะเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิด เป็นผู้ช่วยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อแบ่งเบาภาระเจ้าของบ้าน
โดยเป็นที่ปรึกษาเรื่องการก่อสร้างตั้งแต่สัญญาการก่อสร้าง งบประมาณ การจ่ายเงินสำหรับงานแต่ละงวด ขั้นตอนต่างๆ ของการสร้างบ้าน การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์สร้างบ้าน และคำแนะนำในการพูดคุยกับทีมทำงานอื่นๆ ให้เป็นไปอย่างราบรื่น
4. สถาปนิกบริหารงานก่อสร้างอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
สถาปนิกซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจกระบวนการออกแบบ และการก่อสร้างตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่ขั้นตอนการสำรวจที่ดิน การวางแบบ การติดต่อประสารงานทั้งส่วนเอกสารและบุคคลที่เกี่ยวข้อง จึงมีการทำงานอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอน และมีกระบวนการที่ชัดเจนตรวจสอบได้ รวมทั้งยังช่วยควบคุมการทำงานให้เป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้
เพราะงานสร้างบ้านมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายที่ต้องบริหารจัดการ ดังนั้นการมีผู้ช่วยที่มีประสบการณ์ในการวางแผนงานอย่างเป็นขั้นตอนจะช่วยให้การสร้างบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้เพราะมีแนวทางป้องกันและแผนรองรับอย่างครอบคลุม
5. สถาปนิกช่วยวางแผนค่าใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า
การสร้างบ้านเป็นการใช้เงินก้อนใหญ่ที่มาพร้อมกับความคาดหวังของสมาชิกที่จะเข้าอยู่อาศัย ดังนั้นการมีสถาปนิกเป็นผู้ช่วยในกระบวนงานตั้งแต่ต้นจนจบ จะช่วยให้การลงทุนสร้างบ้านนี้เป็นไปอย่างเหมาะสม คุ้มกับเงินที่จ่ายไป เพราะไม่ใช่แค่ทำงานออกแบบให้เป็นไปตามต้องการ แต่สถาปนิกยังช่วยดูแลการวางแผนทำงาน พร้อมควบคุมให้เสร็จสิ้นในเวลาที่กำหนด ซึ่งการวางแผนงานอย่างเป็นขั้นตอนจะช่วยลดความซ้ำซ้อนของงาน และปิดช่องโหว่ที่จะทำให้เกิดความเสียหายในงานก่อสร้าง รวมทั้งยังช่วยแนะนำการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพมาตรฐาน ในราคาที่สมเหตุสมผล
นอกจากนี้สถาปนิกยังช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวตั้งแต่กระบวนการออกแบบ เพราะมีการออกแบบที่อิงตามสภาพแวดล้อมและปรับให้เข้ากับการอยู่อาศัยในพื้นที่ที่ต่างกัน จึงช่วยลดการใช้พลังงาน และลดค่าใช้จ่ายในอนาคต
6. สถาปนิกเป็นคนกลางเชื่อมโยงงานเข้าด้วยกัน
การดำเนินงานสร้างมีผู้เกี่ยวข้องกับงานส่วนต่างๆ มากมาย สถาปนิกจึงเปรียบเสมือนคนกลางที่ช่วยบริหารงานสร้างให้เป็นไปตามแบบแผน และประสานความต้องการของเจ้าของบ้านกับทีมทำงานตั้งแต่วิศวกร มัณฑนากร ภูมิสถาปนิก ทีมช่าง รวมถึงทีมงานที่ดำเนินการเรื่องเอกสาร เคลียร์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตก่อสร้าง
ในระหว่างการก่อสร้างสถาปนิกจะคอยตรวจสอบสถานะงานทุกขั้นตอนตลอดการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบ และรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
7. สถาปนิกให้คำปรึกษาในการดูและและซ่อมบำรุงบ้านระยะยาว
การดูแลตั้งแต่ต้นจนจบการก่อสร้างบ้านเป็นหน้าที่หลักที่สถาปนิกจะเป็นเพื่อคู่คิด และผู้ช่วยที่ดีสำหรับเจ้าของบ้าน แต่เมื่อบ้านสร้างแล้วเสร็จ และแม้สัญญาการรับประกันงานสร้างจะหมดไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่เจ้าของบ้านยังสามารถขอคำแนะนำและคำปรึกษาดีๆ เกี่ยวกับการดูแลซ่อมบำรุงบ้านให้สามารถพักอาศัยได้อย่างสุขสบายในระยะยาว
เมื่อบ้านเป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของการใช้ชีวิตในแต่ละวัน การมีบ้านที่เรียกได้ว่าถูกสร้างมาเพื่อผู้พักอาศัยคนนั้นๆ จึงควรวางแผนการสร้างอย่างดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้เกิดการพักอาศัยอย่างสุขสบายและปลอดภัยในอนาคต