แบบบ้านสไตล์รีสอร์ทคือแบบบ้านที่ชัดเจนในเรื่องแนวทางการตกแต่งบ้าน ก่อสร้างบ้าน เพื่อให้บ้านเป็นอีกสถานที่ตากอากาศใกล้ชิดธรรมชาติอย่างร่มรื่น และนี่เองที่ทำให้ส่วนใหญ่นักออกแบบบ้านต้องแบ่งพื้นที่ของบ้านสไตล์นี้ออกเป็นสามส่วนคือ พื้นที่ภายใน พื้นที่ภายนอก และพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้สะดวกในการใช้งานและเพื่อความสวยงาม โดยทั้งสามพื้นที่ยังคงต้องมีการเชื่อมโยงกัน ซึ่งในความเชื่อมโยงกันของพื้นที่ส่วนกลางนี้มีข้อดีอย่างไร วันนี้ AYB มีคำตอบค่ะ
5 ข้อดีของการมีพื้นที่ส่วนกลางของแบบบ้านสไตล์รีสอร์ท
1. ร่มเงากรองความร้อน
โดยส่วนใหญ่ บริเวณพื้นที่ส่วนกลางจะเป็นพื้นที่ที่มีต้นไม้ใหญ่ เล็ก รายล้อม การสร้างบ้านที่เน้นความเป็นธรรมชาติ จึงมักอาศัยประโยชน์ในเรื่องของร่มเงา และอากาศ เมื่อมีร่มไม้ที่ใหญ่ในทิศทางที่บังแดดย่อมส่งผลดีต่อตัวบ้าน ทำให้ไม่สะสมความร้อนเป็นเวลานาน เพราะคุณสมบัติของต้นไม้ใหญ่คือช่วยลดอุณหภูมิ เช่น ถ้าอุณหภูมิอากาศทั่วไปอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส เมื่อผ่านตัวกรองอย่างต้นไม้ อุณหภูมิก็จะลดลงเหลือประมาณ 32 องศาเซลเซียส ก็ทำให้ประหยัดในเรื่องของพลังงานต่างๆ ไม่ต้องเปิดแอร์เพิ่มความเย็น และใช้เป็นร่มเงาสำหรับมุมพักสายตาได้อีกด้วย
2. ให้ความต่อเนื่องในการใช้พื้นที่แต่ละมุม
พื้นที่ส่วนกลางทำหน้าที่ให้ความต่อเนื่องจากพื้นที่ด้านนอกและพื้นที่ด้านใน กล่าวคือการสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ทมักจะตกแต่งออกแบบบ้านด้วยกระจกบานใหญ่เพื่อรับแสงธรรมชาติ หรือใช้ชมวิวรอบๆ ตัวบ้าน และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อให้ความต่อเนื่องเชื่อมโยงไม่ถูกบดบังด้วยผนังอาคาร ทำให้อารมณ์การพักผ่อนในบ้านต่อเนื่องขึ้น ไม่ขาดตอน แม้ในจุดที่จำเป็นต้องทึบ เช่น ห้องน้ำ นักออกแบบยังใส่ความเชื่อมโยงความเป็นสไตล์รีสอร์ทด้วยช่องระบายอากาศ หรือห้องนอน ห้องทำงานเองก็ถูกออกแบบให้มีระเบียงหรือหน้าต่างหันไปยังพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อความผ่อนคลายไม่ตึงเครียด และสามารถมองเห็นสมาชิกในบ้านและกิจกรรม ความเคลื่อนไหวต่างๆ ในบ้านได้
3. จุดรวมพล
แน่นอนว่าเมื่อมีกิจกรรม Outdoor ต่างๆ พื้นที่ส่วนกลางจะเป็นจุดรวมพล โดยพื้นที่นี้จะถูกออกแบบโดยคำนึงถึงโอกาสและความสะดวกในการใช้งานของสมาชิกที่หลากหลายวัยในบ้าน พร้อมกับเป็นพื้นที่ที่พร้อมสำหรับทุกกิจกรรมในทุกช่วงเวลา โดยมากพื้นที่ส่วนกลางจะถูกออกแบบให้อยู่ทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ เพื่อรับลมและร่มเงาจากอาคาร หรือต้นไม้ใหญ่ (ในกรณีพื้นที่จำกัด ไม่ได้อยู่ในทิศทางที่รับร่มเงา นักออกแบบสวนหรือผู้เชี่ยวชาญจะใช้พืชคลุมดินหรือนวัตกรรมต่างๆ มาช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื่นแทน) ฉะนั้นการได้ทำกิจกรรมต่างๆ บริเวณนี้จึงเป็นข้อดีของพื้นที่ส่วนกลางที่เห็นชัดเป็นรูปธรรมมากที่สุด
4. พื้นที่เพื่อโปรเจกต์ใหญ่
การทำบ้านสไตล์รีสอร์ทที่เข้าถึงการพักผ่อนที่แท้จริง นักออกแบบบ้านมักสร้างพื้นที่ส่วนกลางให้เลียนแบบธรรมชาติมากที่สุด อย่างการสร้างน้ำตก บ่อปลา เพิ่มต้นไม้ที่ให้ผล ดอกสีสันต่างๆ ปล่อยให้มีสัตว์เล็กๆ ตามธรรมชาติ การจัดแต่งระดับความสูงของต้นไม้ พุ่มสูง พุ่มกลาง หรือพุ่มเตี้ย ก็ส่งให้บ้านดูโดดเด่น น่าจดจำ และผ่อนคลาย โดยไม่ต้องพึ่งการเดินทางเพื่อเสาะหาสถานที่ตากอากาศอื่นๆ
ที่สำคัญหลายไอเดียในโปรเจกต์ใหญ่ๆ มักเกิดจากอารมณ์ที่ผ่อนคลายจากสวนในบ้าน หลายคนจึงปรับพื้นที่ส่วนกลางให้เป็นมุมทำงานเล็กๆ ในยุค WFH อีกด้วย
5. จัดหาวัสดุง่าย
ในมุมของการก่อสร้าง การทำพื้นที่ส่วนกลางในบ้านสไตล์รีสอร์ท วัสดุหลักๆ ก็คือ วัสดุจากธรรมชาติ ฉะนั้นงานตกแต่ง ยกพื้น เสาประดับ หรือชุดโต๊ะกาแฟยามเช้า อาจเน้นงานไม้เป็นส่วนมาก หากเป็นไม้เก่าก็เพิ่มความคลาสสิคให้กับบ้านมากขึ้น ส่วนวัสดุธรรมชาติอื่นๆ อาจมีหินหรือเหล็ก ออกแบบร่วมด้วย นี่เองจึงเป็นข้อดีอีกข้อหนึ่งของการสร้างพื้นที่ส่วนกลาง ในการจัดหาวัสดุต่างๆ จะเห็นได้จากงานออกแบบบ้านตามนิตยสารหรืออินเทอร์เน็ต ที่รื้อวัสดุจากบ้านเก่าแล้วมาใช้เป็นวัสดุหลักในการสร้างร่วมกับวัสดุใหม่ หรือหากวัสดุจากการรื้อนั้นมีมากพอ อาจเพิ่มเติมตกแต่งในส่วนพื้นที่อื่นๆ ก็ได้เช่นกัน
ข้อดีของการมีพื้นที่ส่วนกลาง ไม่ได้เฉพาะสำหรับบ้านสไตล์รีสอร์ทเท่านั้น เพราะการมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นและเป็นประโยชน์ในการทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกในครอบครัวย่อมเป็นผลดีด้วยกันทั้งนั้น จะมีแค่ความแตกต่างที่เฉพาะในการจัดสรรพื้นที่ตามที่กล่าวไปข้างต้นของบ้านสไตล์รีสอร์ทเท่านั้น (คือการแบ่งพื้นที่ และเชื่อมต่อทุกพื้นที่เพื่อความต่อเนื่องในการใช้งาน ให้ความเป็นธรรมชาติและผ่อนคลาย) ที่ทำให้การแยกแบ่งสไตล์ของบ้านชัดเจนขึ้น