การลงทุนสร้างบ้านหนึ่งหลังถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เจ้าของบ้านควรพิจารณาถึงความคุ้มค่า และความสุขจากการอยู่อาศัยในระยะยาวของสมาชิก ดังนั้นนอกจากการเลือกแบบหรือออกแบบบ้านที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว การคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการออกแบบบ้านหลังนั้นๆ ให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัย ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
แนวทางเลือกแบบบ้านให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัยที่เจ้าของบ้านควรรู้
1.การเลือกแบบบ้านให้เหมาะสมกับที่ดิน
การเลือกแบบบ้านต้องพิจารณาจากขนาดที่ดินเป็นปัจจัยแรกและปัจจัยหลัก เพราะการวางแผนสร้างบ้านนั้นคนส่วนใหญ่จะมีที่ดินเตรียมไว้อยู่แล้ว โดยที่ดินจะมีขนาดที่ตายตัวไม่สามารถเพิ่มพื้นที่ได้
ดังนั้นการเลือกแบบบ้านต้องวิเคราะห์ถึงขนาดที่ดินก่อนแล้วจึงเลือกแบบบ้าน โดยการคำนวนขนาดแบบบ้านนั้นให้ลบจากขนาดที่ดินไปด้านละ 4 เมตร คือด้านกว้าง -4 เมตร และด้านยาว -4 เมตร ก็จะได้แบบบ้านที่เหมาะสมกับที่ดินแปลงนั้นๆ
การสร้างบ้านไม่ควรสร้างพอดีกับขนาดที่ดิน เนื่องจากในทางกฎหมายมีการกำหนดเรื่องช่องเปิดของบ้าน (ช่องเปิด หมายถึงส่วนของบ้านที่น้ำ อากาศ แสง หรือสิ่งของต่างๆ สามารถผ่านได้โดยตรง เช่น ประตู หน้าต่าง ช่องแสง ช่องระบายอากาศ) ที่จะต้องห่างจากแนวเขตที่ดินประมาณ 2 เมตร
ทั้งนี้สำหรับบ้านที่มีส่วนของพื้นที่ที่เป็นผนังทึบอาจไม่จำเป็นต้องห่างจากแนวเขตที่ดินถึง 2 เมตรก็ได้
2.การเลือกแบบบ้านให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
แน่นอนเวลาเราสร้างบ้าน คงไม่สามารถกำหนดสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ เพราะที่ดินแปลงข้างๆ ที่เป็นของคนอื่นอาจถูกใช้ประโยชน์อะไรก็ได้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน
ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือ เมื่อจะสร้างบ้านควรสำรวจที่ดินก่อนว่าพื้นที่และสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ดินแปลงนั้นมีอะไรอยู่บ้าง เช่น หากมีถนนให้ลงรายละเอียดว่าถนนกว้างกี่เมตร หรือคอนโดสูงกี่เมตร เพื่อเป็นส่วนประกอบในการเลือกแบบบ้านที่เหมาะสมที่จะสร้างบนที่ดินนั้น
สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสุขในการอยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน เพราะนอกจากจะมีผลต่อการเลือกแบบบ้านแล้ว ยังเป็นปัจจัยในการกำหนดพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆ ทิศทางมุมต่างๆ ของบ้าน รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานที่ต้องใช้ได้จริง
3.การเลือกแบบบ้านให้เหมาะสมกับกฎหมาย
เรื่องกฎหมายถือเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะการจะสร้างบ้านจะต้องยื่นขออนุญาตปลูกสร้างจากหน่วยงานท้องถิ่น ในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของที่ดินแปลงที่จะใช้ในการสร้างบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานเขต หรือเทศบาล ซึ่งเมื่อดำเนินการยื่นไปแล้วทางหน่วยงานจะทำการวิเคราะห์ตามกฎหมายว่าสามารถสร้างอะไรได้บ้าง
กฎหมายหลักที่สำคัญต่อการสร้างบ้านมี 2 กฎหมาย คือ
กฎหมายผังเมือง เป็นกฎหมายควบคุมการใช้ประโยชน์ในที่ดินว่าสามารถใช้ประโยชน์ หรือก่อสร้างอาคารประเภทใดได้บ้าง ตามที่ผังเมืองรวมกำหนดไว้
โดยส่วนใหญ่ผังเมืองรวมจะควบคุมอาคารที่เป็นขนาดใหญ่ มีความสูงกว่าปกติ หรืออาคารโรงงาน อาคารสถานที่ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม ส่วนบ้านพักอาศัยจะไม่ค่อยมีข้อห้ามมากนัก เพียงแต่จะถูกกำหนดในเรื่องของความสูง ระยะร่นต่างๆ เท่านั้น
กฎหมายควบคุมอาคารเป็นกฎหมายควบคุมให้อาคารที่จะก่อสร้างมีความมั่นคงแข็งแรง มีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ รวมถึงกำหนดองค์ประกอบต่างๆ เช่น ความกว้าง ความสูง ระยะร่น
4.การเลือกแบบบ้านให้เหมาะสมกับสมาชิกภายในครอบครัว
เหตุผลสำคัญของการสร้างบ้านคือเพื่อให้สมาชิกทุกคนในบ้านได้อยู่อาศัยอย่างมีความสุข ดังนั้นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือ สมาชิกที่จะอาศัยอยู่ในบ้าน และฟังก์ชันที่ต้องเตรียมไว้เพื่อรองรับความต้องการ โดยไม่ได้มองแค่ปัจจุบัน แต่ต้องมองถึงอนาคต เช่น การเพิ่มขึ้นของสมาชิก หรือมีผู้สูงอายุ
ดังนั้นการเลือกแบบบ้านให้เหมาะกับสมาชิก จะต้องพิจารณาปัจจัยตั้งแต่ต้นว่ามีสมาชิกอยู่กี่คน เป็นคนช่วงอายุเท่าไรบ้าง เพื่อกำหนดจำนวนห้องนอน จำนวนห้องน้ำ พื้นที่การใช้สอย และฟังก์ชันต่างๆ ที่จะตอบสนองความต้องการของสมาชิกอย่างทั่วถึง
5.การเลือกแบบบ้านให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนอยู่อาศัย
ปัจจัยเรื่องของไลฟ์สไตล์จะต่างจากปัจจัยเรื่องสมาชิก เพราะการเลือกแบบบ้านให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์นั้นจะมีความแตกต่างด้านความชอบของแต่ละคนที่เชื่อมโยงกับพื้นที่แต่ละส่วนในบ้าน
ไลฟ์สไตล์ของสมาชิกที่อาจเหมือน หรือคล้ายกัน หรือต่างกัน จะเป็นตัวกำหนดฟังก์ชัน และการเลือกแบบบ้านหรือออกแบบบ้านให้เหมาะสม เช่น บางคนชอบธรรมชาติ ชอบปลูกต้นไม้ ชอบออกกำลังกาย ชอบทำอาหาร ชอบอื่นหนังสือ
ดังนั้นเจ้าของบ้านต้องลิสต์รายละเอียดออกมาว่าแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์การใช้พื้นที่ส่วนไหนของบ้านในแต่ละวัน ตั้งแต่ตื่นนอนถึงเข้านอน จนครบทั้ง 7 วัน จะทำให้เห็นจุดร่วมบางจุดที่สมาชิกใช้ฟังก์ชันเหมือนกัน หรือใช้ฟังก์ชันพร้อมกัน รวมถึงบางพื้นที่ที่อาจจะต้องออกแบบเป็นฟังก์ชันพิเศษ ซึ่งจะทำให้นั้นเป็นบ้านที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของสมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทุกคนมีความสุขในการอยู่อาศัยทุกวัน
6.การเลือกออกแบบบ้านให้เหมาะสมกับงบประมาณ
การวางแผนสร้างบ้านนั้นทุกคนจะมีงบประมาณในใจอยู่แล้ว ว่าสามารถสร้างบ้านด้วยงบประมาณเท่าไรได้ แต่การคำนวนงบประมาณนั้นต้องมองในแง่ของภาพรวม ไม่ใช่แค่ส่วนของค่าก่อสร้างบ้านอย่างเดียว เพราะการสร้างบ้าน 1 หลัง จะมีส่วนประกอบนอกเหนือจากงานก่อสร้างอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายใน การถมดิน การจัดสวน การซื้อเครื่องไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
การคำนวนค่าก่อสร้างที่ส่วนใหญ่จะประมาณการแบบหยาบๆ ตามพื้นที่ หากพื้นที่ใช้สอยเยอะราคาบ้านก็สูงตาม ซึ่งในธุรกิจสร้างบ้านราคาค่าก่อสร้างจะอยู่ที่ประมาณ 18,000 – 50,000 บาท ต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้และรูปแบบบ้านที่มีความยากง่ายแตกต่างกัน
แต่หากจะคำนวนราคากลางๆ จะประมาณ 20,000 – 25,000 บาท จากนั้นนำราคานี้ไปหารงบประมาณสำหรับค่าก่อสร้างที่มี ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยที่สามารถเลือกแบบบ้านได้
7.การเลือกแบบบ้านให้เหมาะกับสถานะ
สถานะในที่นี้หมายรวมถึงสถานะทางการเงิน สถานะทางสังคม และสถานะการอยู่อาศัยของสมาชิกในบ้าน เพราะเหตุผลการสร้างบ้านแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนสร้างบ้านเพื่อให้คนอื่นรับรู้ถึงการประสบความสำเร็จในชีวิต ในธุรกิจ ในหน้าที่การงาน บ้านที่สร้างอาจมีความใหญ่โตหรูหรา มีพื้นที่พร้อมรับแขก แต่สำหรับบางคน บางอาชีพ อาจไม่สะดวกเปิดเผนสถานที่ตั้งบ้าน และต้องการความเป็นส่วนตัวสูง บ้านที่สร้างก็จะแตกต่างจากคนกลุ่มแรก
ดังนั้นนอกจากการเลือกสร้างบ้านโดยใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพแล้ว ก่อนเลือกแบบบ้าน จึงต้องคำนึงถึงปัจจัยทั้ง 7 ข้อข้างต้น และพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะการสร้างบ้านสำหรับบางคนอาจไม่ได้มีโอกาสที่จะได้ทำบ่อยๆ
เรื่องโดย : คุณธีร์ บุญวาสนา ผู้บริหาร บริษัทอยุธยา สร้างบ้าน จำกัด