เมืองไทยเมืองร้อน แม้ไม่ใช่ช่วงฤดูร้อนโดยตรง แต่ก็ยังถือว่าร้อนอยู่ดี ที่สำคัญร้อนไม่พอยังมาพร้อมค่าไฟสูงลิ่ว แล้วจะดีกว่าไหมถ้าบ้านของเราเป็นบ้านที่อยู่เย็นกายเย็นใจโดยพึ่งพาธรรมชาติมากกว่าพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ วันนี้ AYB บริษัทรับสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ท ได้รวบรวมแนวทางแก้ปัญหาบ้านร้อนกวนใจที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ทั้งบ้านกำลังสร้างและบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว เพื่อการอยู่อาศัยเย็นสบายอย่างยั่งยืน
1. เริ่มต้นดีด้วยการจัดวางตำแหน่งตัวบ้านให้เหมาะสม
ดวงอาทิตย์ แสงแดด และทิศทางลมเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เราจึงต้องเลือกอยู่ร่วมกับธรรมชาติให้กลมกลืนที่สุด โดยเฉพาะเมืองไทยที่เป็นเมืองร้อน และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างหนึ่งก็คือการเลือกวางตำแหน่งและทิศทางของบ้านให้ที่หลบแดดรับลม เพื่อลดปัญหาบ้านร้อนอย่างยั่งยืน โดยมีหลักการ ดังนี้
• เลือกวางให้ด้านสั้นของบ้านอยู่ในแนวทิศตะวันออก–ตะวันตก เพื่อให้พื้นที่ผนังโดนแดดน้อยที่สุด โดยเฉพาะแดดในทางทิศตะวันออกและตะวันตก ซึ่งจะทำให้ผนังบ้านอมความร้อน แล้วแผ่ความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน
• เจาะช่องหน้าต่างเท่าที่จำเป็น หรือเจาะในด้านทิศเหนือ เพราะทิศเหนือเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดน้อยที่สุดในทั้ง 4 ทิศ
• วางทิศหน้าต่างให้มีทางลมเข้าและออก เพื่อให้ลมช่วยระบายความร้อนออกจากห้อง ซึ่งลมประจำถิ่นในประเทศไทยจะพัดจากทิศใต้เป็นส่วนใหญ่ และทิศเหนือจะเป็นลมในฤดูหนาวดังนั้นตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการจัดวางหน้าต่างคือ ด้านทิศใต้และทิศเหนือ
2. ให้ความสำคัญกับระบบระบายอากาศและความร้อน
การเปิดหน้าต่างรับลมเพื่อระบายความร้อนเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เพราะเมื่ออากาศจากด้านนอกเข้ามาภายในบ้าน จะพัดความร้อนให้ลอยตัวสูงขึ้นและไหลออกไป เกิดเป็นการไหลเวียนอากาศภายในบ้าน ทำให้เย็นสบายขึ้นไม่อึดอัด ดังนั้นการสร้างบ้านเพื่อลดความร้อน ควรเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบบ้านที่คำนึงถึงการระบายอากาศ โดยออกแบบบ้านให้มีช่องเปิดบริเวณใต้หลังคาและหน้าต่างเพื่อเปิดรับลมเย็นเข้าบ้าน ออกแบบจัดวางหน้าต่างให้เหมาะสมกับทิศทางลมประจำถิ่น
3. เลือกหลังคาสีอ่อนเป็นปราการปกป้องแดดให้กับบ้าน
หลังคาคือปราการด่านแรกที่ต้องต่อสู้กับแดด ดังนั้นควรออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่ช่วยให้พลังการปกป้องตัวบ้านจากแสงแดดและไอร้อนสูงสุด เพื่อให้บ้านอยู่สบายในระยะยาว
• หลังคาทรงสูงและมีชายคาหรือกันสาดยื่นยาวออกมาบังหน้าต่างและผนัง เป็นทรงหลังคาที่ลดแสงแดดที่ส่องลงบนหน้าต่างและผนังได้ดีที่สุด ควรหลีกเลี่ยงหลังคาแบบแบนเนื่องจากเป็นหลังคาที่รับแดดมากที่สุดในทุกทิศทาง
• หลังคาสีอ่อนหรือสีโทนสว่าง ดูดซับความร้อนได้น้อยกว่าหลังคาสีเข้ม และทำให้บ้านเย็นลงได้
• ติดฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา จะช่วยสกัดกั้นความร้อนที่หลุดรอดจากหลังคาก่อนที่จะส่งผ่านไปถึงตัวบ้าน ซึ่งปัจจุบันฉนวนกันความร้อนมีด้วยกันหลายชนิด และหลายขนาดความหนาบาง หากต้องการติดตั้งในบ้านลองปรึกษากับบริษัทรับสร้างบ้าน เพื่อออกแบบและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับตัวบ้านกับงบประมาณที่มี
4. สร้างร่มเงาด้วยต้นไม้และพืชคลุมดิน
ต้นไม้เป็นตัวช่วยสร้างความเย็นให้กับร่างกายและจิตใจ ดังนั้นการนำต้นไม้มาปลูกรอบบ้านจะช่วยทำให้บ้านเย็นขึ้น โดยเฉพาะในทิศทางที่แดดส่องแรงอย่างทิศตะวันตก ควรปลูกต้นไม้เพื่อสร้างร่มเงาให้กับผนังด้านที่โดนแดด และปลูกพืชคลุมดินแทนการเทพื้นคอนกรีตรอบบ้าน เพราะพืชจะสะสมความร้อนน้อยกว่าคอนกรีต
นอกจากนี้หากมีพื้นที่เพียงพอ การขุดสระน้ำ หรือสร้างน้ำพุ น้ำตก ก็จะได้อาศัยไอน้ำที่ระเหยช่วยลดอุณหภูมิของอากาศร้อนที่พัดเข้าสู่บ้านได้เป็นอย่างดี
5. ติดตั้งอุปกรณ์บังแดดหรือระแนงบังตาสกัดกั้นความร้อน
ในช่วงอากาศร้อนอุปกรณ์บังแดด ระแนงหรือบานบังตา จะช่วยกรองแสงแดดยามที่เราเปิดหน้าต่าง เพื่อให้เราได้รับลมโดยไม่โดนแดดส่อง และเพื่อให้ประสิทธิภาพการป้องกันแดดดีที่สุด ควรติดตั้งอุปกรณ์บังแดดก่อนแสงแดดตกกระทบหน้าต่าง เช่น การติดตั้งกันสาด ระแนงบังแดด หรือม่านภายนอก เพราะหากแสงแดดเล็ดลอดผ่านกระจกเข้ามาแล้ว แม้ว่าเราจะมีผ้าม่านกั้นแดดในตัวบ้านก็ตาม ตัวผ้าม่านจะอมแดดเอาไว้ แล้วค่อยๆ แผ่ความร้อนเพิ่มอุณหภูมิให้กับห้อง
5 แนวทางแก้ปัญหาบ้านร้อนกวนใจ เพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนนี้ เป็นวิธีที่ทำได้ไม่ยากเลยสำหรับบ้านที่กำลังสร้าง ซึ่งหากท่านเจ้าของบ้านเลือกบริษัทรับสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ทที่มีความเชี่ยวชาญและมีมาตรฐาน พร้อมกับผลงานการันตี แนวทางเหล่านี้ทางบริษัทรับสร้างบ้านจะคิดคำนวณและออกแบบให้ท่านเจ้าของบ้านอยู่แล้ว แต่หากเป็นบ้านเดิมไม่ได้สร้างใหม่สามารถนำแนวทางข้างต้นไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบ้านของตน ก็จะช่วยให้บ้านอยู่เย็นสบายและประหยัดค่าแอร์ขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน