สวนสวย บ้านร่มเย็น คือ หนึ่งในองค์ประกอบหลักของแบบบ้านสไตล์รีสอร์ท ที่จะทำให้บรรยากาศบ้านผ่อนคลายเหมาะกับเป็นที่พักผ่อน โดยปกติแล้วหากเป็นการออกแบบบ้านและการสร้างผ่านบริษัทรับสร้างบ้านจะมีผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า Garden Designer หรือนักออกแบบสวน ช่วยคัดสรรต้นไม้ให้เหมาะกับพื้นที่ เพราะการเลือกต้นไม้นอกจากจะต้องคำนึงถึงความสวยงามแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องคือ ความปลอดภัย ทั้งต่อผู้อยู่อาศัยและโครงสร้างของบ้าน วันนี้ AYB จะนำเทคนิคการเลือกต้นไม้ที่ระบบรากไม่ทำลายโครงสร้างบ้านมาฝากกันค่ะ
ระบบรากอันตรายต่อโครงสร้างบ้านอย่างไร?
ธรรมชาติของรากต้นไม้ คือ ทำหน้าที่ดูดน้ำและแร่ธาตุในดิน เพื่อลำเลียงเลี้ยงส่วนต่างๆ ของต้นไม้ ยิ่งต้นไม้ใหญ่ยิ่งต้องการแร่ธาตุอาหารมากตามไปด้วย ดังนั้นก่อนปลูกต้นไม้ต้องทำความรู้จักระบบรากให้ดี เช่น รากงอกในแนวดิ่ง หรืองอกแบบแผ่ขยาย เพราะการแผ่ขยายของรากต้นไม้หากไม่มีการออกแบบบ้านหรือสวนให้มีระยะที่เหมาะสมก็จะส่งผลต่อโครงสร้างบ้านหรือสิ่งกีดขวางในระยะของรากได้
ในบางกรณีหากพ้นระยะการแผ่ของรากไปแล้ว ก็ยังต้องระวังอันตรายจากนกหรือสัตว์ต่างๆ ที่อาจคาบผลของต้นนั้นๆ มาตกแตกรากบนหลังคา สร้างปัญหารั่วซึม หากปล่อยชะล่าใจก็สามารถทำลายโครงสร้างได้เช่นกัน โดยจะเห็นได้จากภาพสิ่งก่อสร้างเก่าๆ หรือบ้านร้างที่ขาดการดูแล รากไม้ใหญ่แทรกทำลายโครงสร้างจนใช้งานต่อไม่ได้ ดังนั้นก่อนจะคุยเรื่องแก้ปัญหา ควรวางแผนเลือก และรู้จักระบบรากของต้นไม้ต่างๆ ดังนี้
1. จิกน้ำ
เป็นไม้ต้นขนาดกลางที่ผลัดใบ สูงได้ถึง 5 – 18 เมตร ทรงต้นและพุ่มใบแผ่กว้าง เหมาะให้ร่มเงาหรือใช้เป็นไม้ประธานริมน้ำ สามารถปลูกใกล้บ้านได้แต่ต้องมีระยะปลูกที่เหมาะสมประมาณ 3 – 6 เมตร ดอกมีกลิ่นหอม ส่วนผลที่หล่นจากต้นลงพื้นดินสามารถงอกเป็นต้นใหม่ได้ ซึ่งหากพบว่ามีการงอกใหม่ควรรีบถอนออกก่อนที่รากจะฝังลึก
2. ปีบ หรือกาสะลอง
ต้นปีบมีกลิ่นหอมอ่อนๆ และยังให้ร่มเงา ถึงต้นปีบจะมีรากที่แผ่กิ่งก้าน แต่ไม่ใช่ระดับที่น่ากลัวสำหรับบ้าน สามารถแก้ไขได้ด้วยการหมั่นตัดแต่งกิ่ง แต่มีข้อเสียเล็กน้อย คือใบและดอกร่วงง่าย ต้องคอยเก็บกวาดและทำความสะอาดอยู่เสมอ
3. เสี้ยวป่า หรือชงโค
ต้นเสี้ยวป่า หรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อชงโค จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก แต่สูงได้ถึง 10 เมตร ทรงพุ่มกลมเตี้ย แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มเตี้ย สามารถปลูกเป็นไม้ประธานใกล้บ้านได้ และปลูกได้ทุกทิศรอบตัวอาคาร ซึ่งที่สำคัญคือควรปลูกในจุดที่สามารถดูแล ตัดแต่งกิ่งก้านได้สะดวก
4. ล่ำซำ
ต้นล่ำซำก็เป็นอีกหนึ่งพันธุ์ไม้ประธานที่นิยมปลูกใกล้อาคาร ชื่อมีความหมายดี ฟอร์มและใบสวย ที่สำคัญรากของต้นล่ำซำจะเป็นแนวดิ่ง ไม่แผ่ออกไปรบกวนตัวบ้าน แต่หากต้องการปลูก ควรเว้นระยะจากตัวบ้านประมาณ 4-5 เมตร ล่ำซำถือเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง ทนแล้ง และไม่ค่อยมีโรค หรือแมลงรบกวน
5. กันเกรา
ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เหมาะกับแบบบ้านสไตล์รีสอร์ทที่มีพื้นที่สวนกว้าง ทรงต้นไม่ตรงนัก สูงประมาณ 10-15 เมตร (อาจสูงได้ถึง 25 เมตร) นิยมปลูกเพื่อเป็นร่มเงาและไม้ประดับ ดอกต้นกันเกรามีสีสันสวยงาม กลิ่นหอมเย็นชื่นใจ ใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคและบำรุงธาตุได้
6. ต้นแคนา
ไม้ยืนต้น ทรงกระบอกสูง มีพุ่มใบและฝักสวย ส่วนมากมักปลูกเพื่อให้ร่มเงาช่วยเสริมให้สวนสวยได้ ที่สำคัญดอกและยอดของต้นแคนา สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู ต้นแคนาเป็นต้นที่ชอบแดด สูง 10-20 เมตร ลำต้นตรงมักแตกกิ่งต่ำ เจริญเติบโตได้ในดินร่วนซุยแทบทุกชนิด
7. ซิลเวอร์โอ๊ก
ซิลเวอร์โอ๊กเป็นไม้ยืนต้นทรงสูงที่ไปได้ไกลถึง 20-30 เมตร และยังเลี้ยงง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อม จะร้อนหรือว่าหนาวก็สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้สบายๆ แถมยังเป็นไม้ผลัดใบที่มีใบร่วงหล่นน้อย มีใบเขียวตลอดทั้งปี แผ่กิ่งก้านสาขา ให้ร่มเงา ส่วนมากมักปลูกเป็นไม้ประดับหรือเป็นแนวรั้ว
การดูแลสวนให้สวยน่าพักผ่อนเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ต้องลงตารางตัดแต่งให้สม่ำเสมอ ยิ่งเข้าหน้าฝน ผล เมล็ดต่างแตกรากหยั่งลงดินอย่างเผลอไม่ได้ รวมถึงต้องหมั่นตกแต่งราก ลดความเสี่ยงกับตัวบ้าน เพราะการที่เรือนยอดด้านต่างๆ น้ำหนักไม่สมดุลกัน เป็นเรื่องเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้ต้นไม้โค่นล้ม ซึ่งเป็นอันตรายโดยตรงกับสมาชิกในบ้านและโครงสร้างบ้านค่ะ