เรื่องควรรู้! สร้างบ้านสไตล์รีสอร์ทอย่างไรให้มีมาตรฐาน ไม่ทรุด ไม่ร้าว

    สิ่งสำคัญของการสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ทที่เจ้าของบ้านควรรู้ นอกจากความสวยงาม ได้บรรยากาศของการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ เสมือนพักในรีสอร์ทหรือบ้านพักตากอากาศส่วนตัวแล้ว การสร้างบ้านสไตล์นี้ต้องสร้างบนพื้นฐานของความมีมาตรฐานและต้องเป็นมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้บ้านที่สร้างนั้นสามารถอยู่ทน อยู่นาน ไม่มีปัญหาบ้านทรุด-ร้าว ตามมาสร้างความเสียหายทั้งต่องบซ่อมแซม และปัญหาเรื่องความปลอดภัยในการใช้ชีวิตเมื่ออยู่บ้าน บ้านทรุด-ร้าวเกิดจากอะไร? • ที่ดินที่ใช้สร้างบ้านมีสภาพเนื้อดินไม่แน่น ชั้นดินมีช่องว่าง และมีการเคลื่อนตัวของดินไปตามช่องว่าง • ระบบฐานของบ้านมีปัญหา เช่น เสาเข็มที่ใช้ตอกลงไปไม่ลึกพอจนถึงชั้นดินแข็ง ทำให้ไม่มีแรงพยุงบ้าน เสาเข็มมีการแตกหักชำรุด และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ตรงกับเสาบ้าน • กำลังในการรับน้ำหนักของเสาเข็มไม่เพียงพอที่จะรับน้ำหนักบ้าน ซึ่งอาจเป็นเพราะมีการคำนวนการรับน้ำหนักของเสาเข็มผิดพลาด • การต่อเติมบ้านในภายหลังโดยไม่มีทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยคำนวนเรื่องการรับน้ำหนักของเสาเข็ม วิธีสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ทให้มีมาตรฐาน ไม่ทรุด ไม่ร้าว 1. เลือกที่ดินที่เหมาะสมสำหรับสร้างบ้าน ผู้ที่ต้องการสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ทเพื่ออยู่อาศัยเอง และกำลังมองหาจับจองที่ดินเพื่อสร้างบ้าน ควรเลือกพื้นที่ที่เหมาะสม สภาพดินมีความแข็ง ไม่อ่อนยวบ หรือทรุดง่าย ส่วนผู้ที่มีที่ดินอยู่แล้ว แต่พื้นที่มีปัญหา ควรให้เวลาสำหรับการเตรียมที่ดิน โดยอาจถมหรือบดเพื่อให้ดินมีการเซ็ตตัวและมีความแข็งแรงมากพอที่จะรองรับน้ำหนักบ้านโดยไม่เกิดปัญหาการทรุดภายหลัง 2. สืบประวัติพื้นที่ที่จะใช้สร้างบ้าน การสืบประวัติที่ดิน เช่น การสอบถามจากผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่นั้นมาเป็นเวลานานๆ เกี่ยวกับประวัติการเกิดน้ำท่วม ลักษณะความเร็วของการระบายน้ำ หรือการดูดซึมน้ำของดิน หากเป็นไปได้ ให้สอบถามถึงที่มาที่ไปของที่ดินก่อนมุมชนว่าเคยเป็นบ่อ หนอง…

เคล็ดลับสร้างบ้านบรรยากาศรีสอร์ท เสน่ห์แห่งการพักอาศัยที่ลงตัว

    การพักผ่อนสำหรับใครหลายๆ คน อาจเป็นการได้ทำงานอดิเรกที่ชอบในมุมโปรดของบ้าน แต่สำหรับใครอีกหลายๆ คน กลับโหยหาความเป็นธรรมชาติ และเลือกที่จะเดินทางออกต่างจังหวัด เพื่อพักผ่อนในรีสอร์ทหรือบ้านพักตากอากาศ ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าเขา หรือท้องทะเล จะดีแค่ไหนถ้าความเป็นธรรมชาติและบรรยากาศของที่พักแบบรีสอร์ทนั้นสามารถยกมาไว้ในบ้านได้โดยไม่ต้องเดินทางไกลๆ และจะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถออกแบบบรรยากาศเหล่านั้นเองได้ เคล็ดลับสร้างบ้านบรรยากาศรีสอร์ท 1. เลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ท แน่นอนว่าการทำให้งานสร้างบ้านเป็นเรื่องง่ายคือการเลือกใช้บริษัทรับสร้างบ้านในการดำเนินการ แต่ก็ใช้ว่าหากเจ้าของบ้านต้องการบ้านสไตล์รีสอร์ทแล้วทุกบริษัทจะสาสารถสร้างได้ตอบโจทย์และตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง เพราะแม้แต่ละบริษัทะมีทีมงานพร้อมและความน่าเชื่อถือมากเพียงใดก็ตาม แต่สไตล์แบบบ้านที่แต่ละบริษัทเชี่ยวชาญนั้นต่างกัน โดยเฉพาะแบบบ้านสไตล์รีสอร์ทที่จะเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของแบบบ้าน พื้นที่ส่วนของสวนและสภาพแวดล้อมรอบบ้าน ดังนั้นเจ้าของบ้านจึงต้องเน้นเป็นพิเศษในการเลือกบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบ 2. เน้นต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น ต้นไม้ถือเป็นส่วนประกอบหลักของบ้านบรรยากาศรีสอร์ท โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ที่นอกจากจะช่วยให้ร่มเงากับตัวบ้านและพื้นที่สวนของบ้านแล้ว ยังสามารถใช้เป็นศูนย์กลางของพื้นที่ส่วนกลางนอกบ้านที่สมาชิกทุกคนในบ้านจะใช้ทำกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ หรือทำกิจกรรมร่วมกันได้ด้วย 3. แต่งแต้มสวนเป็นมุมพักผ่อน ธรรมชาติเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความผ่อนคลายได้ ดังนั้นการออกแบบบ้านสไตล์รีสอร์ทจึงควรมีพื้นที่สวน ที่อาจประกอบไปด้วยมุมไม้ดอก ไม้ใบ สนามหญ้า เนินดิน บ่อปลา น้ำตก โขดหิน รวมถึงเสียงจากธรรมชาติที่ผู้พักอาศัยได้สัมผัสได้ถึงความสงบ รู้สึกถึงคำว่าพักผ่อนอย่างแท้จริง 4. ตัวบ้านมีช่องเปิดเห็นธรรมชาติภายนอก บ้านสไตล?รีสอร์ทส่วนใหญ่จะเน้นออกแบบบ้านให้สามารถเปิดรับบรรยากาศธรรมชาติภายนอกเข้าสู่ตัวบ้านได้ ดังนั้นช่องเปิด ประตู หน้าต่าง จึงมีส่วนสำคัญ และควรวางตำแหน่งให้อยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นวิวภายนอกบ้านได้ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของบ้าน ทำให้ผู้อาศัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างผ่อนคลายตามแบบที่ชอบ 5. มีพื้นที่ส่วนกลางรองรับกิจกรรมตามไฟล์สไตล์…

เคล็ดลับเลือกวัสดุแต่งบ้านสไตล์รีสอร์ท

    บ้านสไตล์รีสอร์ท บ้านที่ผ่านการตกแต่งโดยเน้นความสอดคล้องกับธรรมชาติ ผ่านวัสดุตกแต่งรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภายในหรือภายนอกบ้าน โดย AYB มีเคล็ดลับในการเลือกวัสดุตกแต่งบ้านเพื่อยกเอาความเป็นบรรยากาศรีสอร์ทมาไว้ในบ้านให้ผู้พักอาศัยสามารถพักผ่อนในบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน 1. โทนสีธรรมชาติเข้าถึงบรรยากาศรีสอร์ท การเลือกใช้สีธรรมชาติกับบ้านสไตล์รีสอร์ทจะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยเข้าถึงบรรยากาศมากขึ้น โดยเฉพาะกับพื้นที่บริเวณผนังตามห้องต่างๆ โดยสามารถเลือกใช้เป็นสีแนวเอิร์ธโทน ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และสงบ หรือจะเป็นสีเขียว ให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีสีฟ้า ที่ให้ความรู้สึกร่มเย็นเสมือนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า และทเล 2. เลือกวัสดุไม้ให้ความอบอุ่น ไม้ เป็นวัสดุแต่งบ้านที่ช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่น และทำให้บ้านดูมีรสนิยม หากหยิบจับมาตกแต่งได้อย่างลงตัว โดยสามารถเลือกใช้ไม้สำหรับปูพื้นให้ความผ่อนคลาย หรือจะใช้เป็นองค์ประกอบตกแต่งต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ขอบประตู หน้าต่าง หรือเป็นระแนง การเลือกใช้ไม้เป็นองค์ประกอบของบ้านสไตล์รีสอร์ทต้องมีการดูแลป้องกันเพื่อไม่ให้ถูกรบกวนจากแสงแดด ความชื้น และปลวก เพื่อให้ไม้สามารถคงทนอยู่ได้นาน 3. สร้างพื้นที่สีเขียวให้ความสดชื่น ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยพื้นที่สีเขียวก็ยังคงมีพลังบำบัดที่ช่วยให้ผู้อยู่ใกล้ชิดรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย และเป็นเหมือนพื้นที่ที่ใช้ในการชาร์ตพลังชีวิตได้ ดังนั้นบ้านที่ต้องการสร้างบรรยากาศให้เป็นสไตล์รีสอร์ท ยิ่งต้องขาดพื้นที่สีเขียวไม่ได้ นอกจากจะใช้ต้นไม้สร้างสวนรอบบ้าน หรือแทรกไม้ประดับอยู่ภายในมุมต่างๆ ของบ้านแล้ว ยังสามารถใช้สีเขียวหรือลวดลายสีเขียวแต่งแต้มไปตามสีเฟอร์นิเจอร์หรือสีของพื้น ผนังบ้านได้ด้วย 4. วัสดุจากธรรมชาติเติมเต็มพื้นที่ วัสดุจากธรรมชาติที่นิยมนำมาใช้สร้างและตกแต่งบ้าน เช่น หิน ไม้…

เตรียมตัวอย่างไร ก่อนตรวจรับบ้าน

  การตรวจรับบ้าน ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการตรวจผลงานสร้างบ้าน และรายละเอียดต่างๆ ของงานสร้างบ้าน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่เจ้าของบ้านควรให้ความสำคัญอย่างละเอียดก่อนลงนามรับบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปหากเจ้าของบ้านเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ก็จะได้เห็นผลงานและตรวจงานสร้างตามลำดับขั้นตอนอยู่แล้ว จนเมื่อบ้านสร้างเสร็จสิ่งที่ต้องตรวจคือรายละเอียดตัวบ้านทั้งหลัง ฟังก์ชันการใช้งานส่วนต่างๆ รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ดังนั้นมาดูกันว่าก่อนตรวจรับบ้านนั้น เจ้าของบ้านควรเตรียมพร้อม และเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้ไม่พลาดและได้บ้านที่มีคุณภาพมาตรฐาน เตรียมตัวก่อนตรวจรับบ้าน การตรวจรับบ้านอาจใช้เวลานาน เพราะต้องลงรายละเอียดในทุกๆ ส่วน ดังนั้นควรนัดเวลาตรวจรับเป็นช่วงเช้า และเจ้าของบ้านควรเตรียมพร้อมด้านการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการตรวจรับบ้าน จุดไหนควรเน้นเป็นพิเศษ หรือต้องให้เวลาให้ความสำคัญ รวมทั้งควรเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการตรวจรับ ทั้งนี้เจ้าของบ้านอาจเลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจรับบ้านแทนในเรื่องรายละเอียดทางเทคนิคต่างๆ พร้อมๆ กับที่เจ้าของบ้านคอยดูในภาพรวม เพื่อให้ได้คุณภาพมากที่สุด 10 Checklists เพื่อตรวจรับบ้านอย่างมีมาตรฐาน 1. งานนอกบ้าน เป็นการตรวจสอบพื้นที่ส่วนของรั้ว ประตูรั้ว ดินถมรอบบ้าน สวน ระบบสระน้ำ ที่จอดรถ ทางเดินนอกบ้าน และ การระบายน้ำ โดยตรวจสอบความแข็งแรงของงานก่อสร้างทั้งหมด รวมถึงระบบต่างๆ ที่ต้องใช้งานได้อย่างดี 2. งานโครงสร้าง เป็นการตรวจสอบส่วนของเสา คาน ผนัง หรือส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างอาคาร ซึ่งสำหรับการสร้างบ้านเอง ส่วนนี้จะถูกตรวจสอบตั้งแต่ในขั้นตอนของการสร้างที่มีการกำหนดไว้ตามแผนงานของบริษัทรับสร้างบ้านอยู่แล้ว…

8 เทคนิคควรรู้ คุมงานสร้างให้ได้บ้านตรงตามแบบ

  บ้านเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง การจะมีบ้านสักหลังจึงไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจหรือสร้างได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะบ้านที่เจ้าของต้องการปลูกสร้างและควบคุมการสร้างบ้านด้วยตัวเอง มีเทคนิคควรรู้ต่างๆ ที่เจ้าของบ้านควรรู้ เพื่อคุมงานสร้างให้ได้บ้านตรงตามแบบ เทคนิคคุมงานสร้างให้ได้บ้านตามแบบ 1. เลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นมืออาชีพ ก่อนถึงขั้นตอนการสร้าง เจ้าของบ้านควรควบคุมและเลือกคนทำงานที่เป็นมืออาชีพ โดยงานสร้างบ้านนี้เป็นงานใช้งบสูง การเลือกใช้บริษัทรับสร้างบ้านมาดูแล จะช่วยผ่อนแรงให้กับเจ้าของบ้าน ที่สำคัญมีแบบบ้านให้เลือก หรือออกแบบให้ได้ตามต้องการ พร้อมมีทีมทำงานที่มีฝีมือ และมีความน่าเชื่อถือให้วางใจได้ว่าไม่ทิ้งงานกลางคัน และได้บ้านตามแบบที่วางไว้อย่างแน่นอน 2. เลือกทีมงานที่มีความชำนาญและมีฝีมือ นอกจากการมองหาบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความเป็นมืออาชีพแล้ว การเลือกทีมทำงานที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญในแบบบ้านที่อยากจะสร้าง ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้งานสร้างบ้านนั้นเป็นไปตามแบบได้อย่างสมบูรณ์ หมดปัญหาเรื่องบ้านไม่ตรงปกอย่างแน่นอน ทั้งนี้เจ้าของบ้านอาจขอดูผลงานสร้างบ้านของทีมงานที่จะพิจารณาเลือก เช่นผลงานการออกแบบของสถาปนิก ผลงานการความงานสร้างของวิศวกร หรือผลงานการลงรายละเอียดดีเทลที่ละเอียดอ่อนของทีมช่าง 3. ความต้องการที่ชัดเจนตัวช่วยการออกแบบ เมื่อเจ้าของบ้านเลือกผู้ที่จะมาออกแบบบ้านและสร้างบ้านได้แล้ว แม้จะมีแบบบ้านอยู่ในใจ หรือเลือกแบบที่ชอบได้แล้ว แต่ก็ควรบอกความต้องการต่างๆ ที่เกี่ยวกับบ้าน และเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ ความชอบ และลักษณะการใช้ชีวิตของสมาชิกทุกคนให้กับทีม เพื่อให้ได้บ้านตามแบบมากที่สุด และรองรับการอยู่อาศัยของทุกคนมากที่สุดด้วย 4. ทำความเข้าใจสไตล์ และแบบบ้านที่ต้องการ การทำความเข้าใจแบบบ้าน และความแตกต่างของบ้านแต่ละสไตล์ จะช่วยให้เจ้าของบ้านเห็นภาพรวมของแบบบ้านเป็นภาพเดียวกับทีมสถาปนิก เช่น อยากบ้านสไตล์รีสอร์ที่มีความเป็นโมเดิร์น หรือคลาสสิก หรือผสมผสานความเป็นไทย ส่วนนี้จะทำให้แบบบ้านในฝันที่วางไว้ ชัดเจนมากขึ้น…