5 ไอเดียออกแบบรั้วให้เข้ากับบ้านสไตล์รีสอร์ท

    รั้วบ้านถือเป็นหนึ่งปราการสำคัญที่ทำให้บ้านปลอดภัยจากภายนอก และให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้อู่อาศัย สำหรับบ้านสไตล์รีสอร์ทแล้ว นอกจากการสร้างบรรยากาศในบ้านและนอกบ้านให้มีความร่มรื่นน่าอยู่แล้ว รั้วบ้านที่เข้ากับแบบบ้านก้มีส่วนเสริมที่ทำให้บรรยากาศโดยรวมสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่ก่อนเลือกแบบรั้วให้เข้ากับบ้าน ควรรู้เรื่องหลักการสร้างรั้วบ้านให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อไม่ให้มีปัญหาและไม่สร้างความเดือดร้อนกับผู้อื่นภายหลัง หลักการสร้างรั้วให้ถูกกฎ • การสร้างรั้วบ้านต้องไม่ลุกล้ำเกินเขตที่ดินของตนเอง ไม่ว่าพื้นที่โดยรอบจะเป็นของบุคคลอื่นหรือของสาธารณะ • หากต้องสร้างรั้วบริเวณมุมถนนสาธารณะที่มีความกว้างตั้งแต่ 3 เมตรขึ้นไป และมีมุมหักน้อยกว่า 135 องศา รั้วที่สร้างต้องปาดมุมให้มีระยะไม่น้อยกว่า 4 เมตร • สร้างรั้วมีความสูงได้ไม่เกิน 3 เมตร หากสร้างในพื้นที่ที่ต่อหรือห่างจากถนนสาธารณะน้อยกว่าความสูงของรั้ว • รั้วที่สร้างคั่นกับพื้นที่เอกชนหากตกลงกันได้ก็สามารถสร้างได้โดยยึดเส้นเขตที่ดินให้อยู่กึ่งกลาง 5 แบบรั้วที่เหมาะกับบ้านสไตล์รีสอร์ท 1. รั้วไม้ รั้วไม้ช่วยสร้างบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติได้อย่างกลมกลืนกับทั้งแบบบ้านสไตล์รีสอร์ทและสวนที่อยู่ในพื้นที่รอบตัวบ้าน โดยส่วนใหญ่การสร้างรั้วไม้มักออกแบบให้เป็นกึ่งทึบกึ่งโปร่ง เว้นช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ เพื่อให้พื้นที่ในบ้านมีความเป็นส่วนตัวแต่ก็ยังเปิดช่องเพื่อไม่ให้ดูทึบและอึดอัดจนเกินไป ทำให้ลมและอากาศถ่ายเทสะดวก การเลือกใช้รั้วไม้หากเป็นไม้จริงควรเลือกเป็นกลุ่มไม้เนื้อแข็งอย่างไม้แดง เพื่อความแข็งแรงทนทานและใช้งานได้นาน ทั้งนี้เจ้าของบ้านต้องหมั่นดูแลรักษาด้วย แต่ปัจจุบันเพื่อลดปัญหาไม้ผุพังหรือถูกรบกวนจากปลวก การเลือกใช้ไม้เทียมก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ไม่แพ้กัน 2. รั้วไม้ระแนง ถือเป็นรั้วทางเลือกที่ได้รับความนิยม ด้วยลักษณะที่ไม่แน่นหนาจนอึดอัด แต่ก็ไม่โล่งจนเกินไป พร้อมยังทำหน้าที่บดบังสายตาจากภายนอกได้ ทั้งยังสามารถเลือกรูปทรงและรูปแบบที่หลากหลาย จะเลือกระแนงแบบแนวตั้วหรือแนวนอนก็ได้ตามความชื่นชอบของเจ้าของบ้าน จุดเด่นของรั้วไม้ระแนง นอกจากจะให้ความเป็นส่วนตัวแล้ว…

5 แบบบ้านสไตล์รีสอร์ท บรรยากาศสบายเหมือนอยู่กลางทิวเขา

    บ้านที่ทำให้ทุกๆ วัน เป็นวันพักผ่อนได้นั้นถือเป็นบ้านที่สร้างมาเพื่อผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง และทำให้รู้สึกถึงความสบาย ผ่อนคลายและอยากใช้ชีวิตอยู่นานๆ โดยไม่ต้องดื้นรนเดินทางไปหาที่พักผ่อนนอกบ้าน เช่นเดียวกับแบบบ้านสไตล์รีสอร์ทที่ AYB นำมาแนะนำนี้ ล้วนแล้วแต่ครบครันด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงความเป็นรีสอร์ท ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งาน ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนก็ให้อารมณ์ ความรู้สึก และบรรยากาศเหมือนอยู่กลางทิวเขา ต้นไม้ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจากธรรมชาติทั้งภายนอกและภายในบ้าน 5 แบบบ้านสไตล์รีสอร์ท บรรยากาศสบายเหมือนอยู่กลางทิวเขา 1. แบบบ้าน Hillside     แบบบ้านที่มีจุดเด่นเน้นบรรยากาศของความเป็นเนินเขา มีการเล่นระดับอย่างลงตัว ทำให้ส่วนต่างๆ ของบ้านสามารถมองเห็นวิวภายนอกที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่พักผ่อนที่เชื่อมโยงพื้นที่ภายในและภายนอกให้สร้างบรรยากาศแห่งความสุขในทุกช่วงเวลาและทุกวัน ทั้งยังมีพื้นที่บางส่วน เช่น ระเบียง เป็นฟังก์ชันที่สามารถออกมาชมวิวเนินเขาได้อย่างชัดเจน เป็นการจำลองแบบบ้านเสมือนอยู่บนเนินเขา รายละเอียด ส่วนประกอบ : 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย : 774.30 ตร.ม. ขนาดตัวบ้าน : 22.00 ม. × 32.00…

ปลวก…ป้องกันอย่างไร? ก่อนสร้างปัญหาบานปลาย

    ปัญหากวนใจที่คนมีบ้านทุกขนาด ทุกราคา ต้องพบเจอคือ ปลวก สัตว์ตัวเล็กๆ ที่สร้างปัญหาใหญ่เกินตัว ทำให้ปัจจุบันก่อนสร้างบ้านนอกจากการคำนึงถึงที่ดิน แบบ และความพร้อมด้านวัสดุ และการจัดการเอกสาร ขั้นตอนต่างๆ ก่อนสร้างบ้านแล้ว การเตรียมการป้องกันปลวกทั้งก่อนสร้างและหลังสร้างบ้านก้เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่คนอยากมีบ้านมองข้ามไม่ได้ เคล็ดลับสร้างบ้านแบบหมดปัญหาเรื่องปลวก ฉีดน้ำยาป้องกันปลวกเคลือบหน้าดิน เป็นการฉีดน้ำยาเคมีป้องกันปลวกในบริเวณหน้าดินให้ทั่วพื้นที่ก่อสร้างบ้าน วิธีนี้จะทำให้ปลวกไม่สามารถผ่านหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นได้ ถือเป็นการป้องกันที่สามารถใช้ได้เป็นระยะเวลา 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสารเคมี ลักษณะสภาพแวดล้อมที่จะเอื้อต่อการอยู่อาศัยของปลวก และลักษณะของพื้นที่ที่สารเคมีสามารถคงอยู่ได้ โดยหากเกิดน้ำท่วมบ่อยๆ ก็อาจชะล้างสารดังกล่าวออกไป ทำให้ระยะเวลาป้องกันปลวกลดน้อยลง สำรวจเส้นทางเดินของปลวก การสำรวจทางเดินของปลวกจะทำให้หาต้นตอที่ปลวกทำรังอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นปลวกบนดินหรือใต้ดิน เมื่อพบเจอแล้วและอยู่ในพื้นที่ที่จะสร้างบ้านต้องดำเนินการทำลายทิ้งด้วยน้ำยาหรือสเปรย์ฆ่าปลวก โดยให้เวลาน้ำยาทำงานและทำซ้ำๆ จนกว่าจะแน่ใจว่าพื้นที่สร้างบ้านจะไม่มีปลวกเข้ามารบกวน จัดวางระบบท่อน้ำยาป้องกันปลวก ถือเป็นวิธีที่สามารถป้องกันปลวกได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยวิธีนี้จะใช้การวางท่อน้ำยาไปตามคานและเจาะรูที่ท่อให้มีระยะห่างเท่าๆ กัน และต้องไม่วางท่อสัมผัสพื้นดินโดยตรงเพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการอุดตันได้ เมื่อถึงกำหนดเวลาก็เพียงฉีดอัดน้ำยาป้องกันปลวกลงบริเวณพื้นดินใต้อาคาร ซึ่งสามารถทำได้ทุกปี โดยไม่ต้องเจาะพื้นดินใต้บ้าน หรือทุบพื้นบ้านทิ้ง ฉีดน้ำยาเคมีป้องกันปลวกกับไม้ทุกชิ้น การเลือกใช้ไม้สร้างบ้านควรเลือกเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง ที่สามารถทนต่อการกัดกินทำลายจากปลวก และควรมีการฉีดพ่นน้ำยาเคลือบก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันปลวก หรืออีกทางเลือกคือการเลือกใช้ไม้ที่ผ่านการอบน้ำยาป้องกันปลวกมาแล้ว จะทำให้การใช้งานไม้ประกอบการสร้างบ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น และหมดปัญหาปลวกกัดกินไม้กวนใจ…

เรื่องควรรู้ ก่อนสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ท

    การสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ทมีขั้นตอนไม่ต่างจากการสร้างบ้านสไตล์อื่นๆ แต่ในเรื่องของรายละเอียดที่ต้องมีในบางส่วนอาจแตกต่างกันไปบ้างตามแบบบ้านและความต้องการของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะสวนและพื้นที่สีเขียวที่ถือเป็นจุดเด่นและหัวใจของบ้านสไตล์รีสอร์ท ดังนั้นก่อนสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ท เจ้าของบ้านต้องรู้และเตรียมตัวเกี่ยวกับอะไรบ้าง มาดูกัน ที่ดินที่ใช้สร้างต้องมีพื้นที่ว่างไม่ต่ำกว่า 30% ปัจจุบันบ้านสไตล์รีสอร์ทสามารถสร้างได้แม้ใจกลางกรุงเทพ ขอเพียงบ้านนั้นมีการออกแบบให้เอื้อต่อการสร้างสรรบรรยากาศของความเป็นรีสอร์ท โดยเฉพาะในที่ดินที่ปลูกสร้างบ้าน นอกจากตัวบ้านแล้ว ยังต้องมีพื้นที่ว่างๆ ที่ไม่มีสิ่งก่อสร้าง 30% ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อกันไว้สำหรับการสร้างบรรยากาศรีสอร์ท ไม่ว่าจะเป็นสวน ต้นไม้ เนินดิน สนามหญ้า บ่อเลี้ยงปลา น้ำตก หรือแม้แต่โต๊ะ หรือศาลานั่งเล่น เข้าถึงธรรมชาติตั้งแต่ทางเข้าบ้าน เสน่ห์ของบ้านสไตล์รีสอร์ท คือ คุณสามารถซึมซับและสัมผัสความเป็นธรรมชาติได้ตั้งแต่ภายนอกยามที่มองเข้ามา และหากเข้ามาแล้วความเป็นรีสอร์ทจะมีให้สัมผัสตั้งแต่ทางเข้าที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ร่มรื่น เย็นสบาย เป็นเหมือนการได้ชาร์ตพลังในทุกๆ วันทั้งยามออกจากบ้านและกลับเข้าบ้าน มีพื้นที่ทำกิจกรรมกลางธรรมชาติ การสร้างบ้านสไตล์รีสอร์ทเน้นการสร้างให้สมาชิกสามารถใช้พื้นที่ทำกิจกรรมทั้งแบบส่วนตัวและร่วมกันได้ในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางที่ควรมีไว้รองรับกิจกรรมของสมาชิกในทุกช่วงเวลา ดังนั้นการออกแบบพื้นีท่ส่วนกลางท่ามกลางธรรมชาติ ต้องคำนึงถึงทิศทางลม แสงแดด ที่ตกกระทบในแต่ละเวลา เพื่อการวางตำแหน่งต้นไม้ใหญ่ และร่วมเงาจากส่วนต่างๆ ให้เหมาะสมตอบรับกับการใช้งานพื้นที่ ขณะเดียวกัน พื้นที่ส่วนกลางยังควรสามารถรับทั้งลม แสงแดดอ่อน เสียงธรรมชาติ และความสดชื่นเย็นสบายจากน้ำตกหรือน้ำพุจากพื้นที่สวนได้ด้วย แบบบ้านเปิดให้เห็นธรรมชาติภายนอกจากทุกมุม การออกแบบบ้านสไตล์รีสอร์ท นอกจากการมีบ้านไว้ท่ามกลางธรรมชาติแล้ว การออกแบบให้ทุกพื้นที่ในบ้านสามารถมองออกมาเห็นและซึมซับความเป็นธรรมชาติได้ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการออกแบบ…

เรื่องควรรู้ ความต่างระหว่างสีทาภายนอกกับสีทาภายใน

    บ้านจะสวยโดดเด่นได้นั้นต้องมีสีสันที่สวยงามทั้งภายนอกและภายใน โดยการเลือกใช้สีทาบ้านจะเป็นไปตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล รวมถึงความเหมาะสมกับประเภทการใช้งานและพื้นที่ที่ใช้ ซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดที่ต้องใส่ใจและเจ้าของบ้านอาจจะยังไม่เข้าใจความต่าง โดยเฉพาะสีทาภายนอกและภายที่ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย แต่จะเลือกใช้อย่างไร ใช้แทนกันได้หรือไม่ และใช้อย่างไรให้สวยทนอยู่ติดบ้านไปนานๆ วันนี้ AYB มีคำตอบ สีทาภายนอกกับสีทาภายในต่างกันอย่างไร? สีทาภายนอก ความเข้มข้นของสีทาภายนอกจะมีความเข้มข้นกว่าสีทาภายใน เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสี UV ทนทานความร้อนจากแสงแดด สีติดทนนานไม่ซีด ไม่หลุดลอกง่าย กันความชื้นและเชื้อราได้ดี จึงมีราคาสูงกว่าสีทาภายใน ที่สำคัญการทำความสะอาดก็ทำได้ง่าย สามารถเช็ดถูทำความสะอาดได้ปกติโดยที่สีไม่หลุดลอก สีทาภายใน สีทาภายในส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อสีแท้ไม่มีการผสมของสารเคมีอื่น ความฉุนของสีก็จะน้อยกว่าสีทาภายนอก เพราะต้องใช้ทาภายในบ้าน เหมาะสำหรับการทาในห้องนอน ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น เมื่อสีเริ่มแห้งแล้วจะมีความเงาและมีความละเอียดของสีค่อนข้างสูง สามารถทำความสะอาดได้เช่นเดียวกับสีทาภายนอก ใช้สีทาสลับภายนอกและภายในได้หรือไม่? สีสามารถใช้ทาได้ทั้งภายนอกและภายใน แต่คุณสมบัติของสีแต่ละชนิดที่มีอยู่ไม่เหมือนกัน หากใช้ทดแทนกันก็เหมือนกับการใช้งานสีไม่ตรงตามคุณสมบัติ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานเป็นไปอย่างไม่เต็มร้อย เช่น 1. สีภายในทาภายนอก หากต้องการนำสีภายในไปทาภายนอกก็สามารถทำได้ แต่อย่าลืมว่าคุณสมบัติเฉพาะของสีทาภายในอาจไม่มีเรื่องของการป้องกันรังสี หรือป้องกันแสงแดด ทำให้เมื่อทาสีไปได้ระยะเวลาหนึ่งซึ่งอาจสั้นกว่าการใช้สีภายนอกโดยเฉพาะ สีที่ทามีการซีดจาง ไม่สดใหม่เหมือนทาครั้งแรก ระยะเวลาที่สีสดสวยอั้นลงกว่าปกติ ทำให้ต้องทาสีทับเป็นประจำส่งผลให้เสียงบในการทาสีบ่อยๆ ทั้งค่าสี ค่าช่าง 2. สีภายนอกทาภายใน หากต้องการนำสีภายนอกมาทาภายในก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน…

ทิศทางลม-แดด มีผลกับการสร้างบ้านอย่างไร?

    การดูทิศทางของลม-แดด ก่อนสร้างบ้านนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งต้องคำนึงถึงการอาศัยอยู่ในระยะยาว ให้อยู่สบายในทุกฤดูกาล โดยการวางผังบ้านให้เหมาะกับทิศทางลม-แดด จะช่วยให้บดบังแสงแดดจากฤดูร้อน ให้แดดไม่โดนตัวบ้านมากนัก หรือในช่วงฤดูฝนก็ไม่ต้องกลัวเรื่องฝนสาดกระเซ็นเข้าตัวบ้าน วันนี้ AYB มีวิธีดูทิศทางลม-แดด ให้เหมาะกับการสร้างบ้านมาฝากค่ะ   ทิศแสงแดด ควรหลีกเลี่ยงการวางตำแหน่งห้องที่ใช้งานบ่อยๆ หรือใช้งานยาวนานไว้ในทิศที่จะได้รับแสงแดดมากที่สุดอย่างทิศใต้และทิศตะวันตก เพราะจะทำให้มีการกักเก็บความร้อนไว้สูงและกินเวลายาวนานในช่วงบ่าย ทำให้ความร้อนหลงเหลืออยู่ถึงช่วงกลางคืน หากวางตำแหน่งห้องนอนในทิศทางนี้จะทำให้อากาศในห้องมีความร้อนสะสม และทำให้รู้สึกไม่สบายยามพักผ่อน   ทิศทางลม ทิศลมนั้นก็สำคัญไม่แพ้ทิศของแสงแดด หากเราทำการวางผังบ้านในทิศของลมที่เหมาะสมหรือถูกต้อง โดยหันมุมบ้านด้านที่เปิดรับลมได้เต็มที่ให้เข้ากับทางลม จะทำให้บ้านมีความเย็นจากธรรมชาติ ช่วยประหยัดพลังงานจากการเปิดเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมได้   วางตำแหน่งผังห้องในบ้านอย่างไร? 1.ห้องนอน ห้องนอนเป็นห้องที่ใช้สำหรับพักผ่อนและสร้างความผ่อนคลายเช่นเดียวกันกับห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก จึงควรตั้งอยู่ทางทิศเหนือ เพื่อรับแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า และในยามกลางคืนห้องนอนจะไม่สะสมความร้อนไว้ เพราะดวงอาทิตย์โคจรอ้อมทิศใต้ หากยิ่งเป็นช่วงต้นปีที่มีความเย็นลดลง ห้องนอนที่ตั้งทางทิศเหนือจะได้รับลมเย็นอีกด้วย   2.ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก ถือว่าเป็นห้องที่มีไว้สำหรับการผ่อนคลายโดยเฉพาะ หากห้องมีอากาศที่ร้อนอบอ้าวมากเกินไปก็คงไม่เหมาะที่จะใช้ทำห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก ดังนั้นห้องนี้ควรตั้งไปทางทิศเหนือจะดี เพราะเป็นทิศที่ไม่โดนแสงแดดเท่าทิศใต้และทิศตะวันตก และยังเป็นทางผ่านของลมได้ดี เหมาะสำหรับการเปิดหน้าต่าง หรือประตูเพื่อรับลมธรรมชาติ   3.ห้องน้ำ เนื่องจากห้องน้ำต้องถือเรื่องสุขอนามัยเป็นหลัก แสงแดดก็เป็นตัวช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ดี…

ระแนง สำคัญอย่างไรกับแบบบ้านสไตล์รีสอร์ท

    หากเอ่ยถึงวัสดุยอดนิยมเรื่องการตกแต่งบ้าน เลี่ยงไม่ได้ที่จะมี ระแนง เป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ที่หลายคนเลือก ด้วยข้อดีของระแนงไม้ที่ช่วยระบายอากาศให้ถ่ายเทสะดวก เพิ่มความเป็นส่วนตัวโดยแบ่งกั้นขอบเขตพื้นที่ให้ชัดเจน และยังช่วยลดการสะท้อนของแสงแดดให้เข้ามาภายในบ้านน้อยลง หากใครยังคิดภาพไม่ออกหรือไม่เข้าใจว่าระแนงคืออะไรและสามารถนำไปตกแต่งในรูปแบบไหนได้บ้างวันนี้ AYB มีคำตอบมาฝาก   ระแนงคืออะไร? ระแนง เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการตกแต่งบ้าน มีลักษณะเป็นแผ่นไม้ยาวเรียงขนานติดกันเป็นแผง ใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงามและบังสายตาเพิ่มความเป็นส่วนตัว และยังช่วยบังแดด กรองแสงที่ตกกระทบเข้าบ้านด้วย   วัสดุที่ใช้ทำระแนงมีกี่แบบ? วัสดุที่ใช้ทำระแนงมีหลากหลายแต่ที่เป็นที่นิยมในเป็นอย่างมากและเหมาะกับการใช้ตกแต่งบ้านสไตล์รีสอร์ทคือ วัสดุไม้ หรือที่เรียกกันว่า ระแนงไม้ เพราะมีความกลมกลืนสวยงาม เข้ากันได้ดีกับธรรมชาติ แต่ปัจจุบันมีการประยุกต์นำวัสดุแบบไม้สังเคราะห์หรือโลหะมาแทนการใช้ไม้จริง ด้วยเหตุผลที่ว่าโลหะกับไม้สังเคราะห์มีความแข็งแรงทนทาน ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องการกัดกินจากปลวกหรือมอด และมีขนาดมาตรฐานเท่ากันทุกแผ่น 1. ไม้จากธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่าระแนงไม้ เป็นระแนงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยจุดเด่นของลวดลายต่างๆ บนเนื้อไม้ที่เป็นธรรมชาติ สีสันที่กลมกลืนและตกแต่งเข้ากันกับวัสดุอื่นและแบบบ้านได้อย่างลงตัว แต่การใช้ระแนงไม้ก็ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวัสดุจากธรรมชาติ เลี่ยงไม่ได้ที่ความทนทานต่างๆ ก็จะมีน้อยกว่าวัสดุสังเคราะห์อื่นๆ 2. ไม้สังเคราะห์ ไม้สังเคราะห์ที่นำมาใช้ในงานตกแต่งบ้านสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบคือ • ระแนงไฟเบอร์ซีเมนต์ เป็นวัสดุทดแทนไม้ที่มีส่วนผสมของปูนซีเมนต์ น้ำ ทรายละเอียด…

เรื่องควรรู้ เลือกวัสดุแต่งห้องน้ำบรรยากาศเข้าถึงธรรมชาติ

    ห้องน้ำเป็นสถานที่ส่วนตัวที่รองรับการใช้งานบ่อยไม่แพ้ห้องอื่นๆ ของบ้าน ห้องน้ำที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ ใช้งานได้สะดวกสบาย พร้อมบรรยากาศชวนผ่อนคลาย จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การอยู่อาศัยในบ้านเป็นไปอย่างมีความสุข ดังนั้นการจะสร้างห้องน้ำให้น่าใช้ทุกๆ ช่วงเวลา และได้บรรยากาศเข้าถึงความเป็นรีสอร์ทในแบบฉบับของบ้าน AYB เรามีทริคการตกแต่งมาฝาก เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการออกแบบห้องน้ำ ตกแต่งห้องน้ำบรรยากาศเข้าถึงธรรมชาติ 1. ทาสีโทนขาวพร้อมประดับเทียนหอม การทาสีห้องน้ำโทนสีขาวจะช่วยให้ให้ดูสบายตา สะอาด น่าใช้งาน ยิ่งประดับวางด้วยเทียนหอมกลิ่นที่ชอบตามตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หน้ากระจก อ่างล้างหน้า หรือชั้นวางของ จะยิ่งกระตุ้นบรรยากาศให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายดุจการเดินเข้าสปา  2. ประดับทางเดินด้วยหินขาวก้อนมน เปลี่ยนทางเดินพื้นปูนธรรมดาแบบเก่าให้เป็นการวางด้วยหินขาวก้อนมนเพื่อช่วยเสริมความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น จะทำให้การใช้ห้องน้ำมีบรรยากาศของความเป็นรีสอร์ท และนอกจากนี้หินก้อนมนยังช่วยในเรื่องของการนวดเท้าเมื่อย่ำเดิน และยังช่วยปกปิดร่องรอยความไม่สวยงามของกระเบื้องหรือท่อน้ำได้อีกด้วย     3. ใช้ฝักบัวแบบ Rain shower ชวนผ่อนคลาย การกลับเข้าบ้านหลังจากผจญกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านมาทั้งวัน สิ่งที่ช่วยให้ผ่อนคลายมากที่สุดคือการได้อาบน้ำชำระร่างกาย โดยถ้าห้องน้ำนั้นใช้ฝักบัวแบบ Rain shower จะช่วยสร้างบรรยากาศให้รู้สึกเหมือนการยืนเล่นน้าท่ามกลางสายฝนหรือท่ามกลางม่านน้ำตก ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยชาร์ตพลังงานชีวิตได้ดีทีเดียว การติดตั้งฝักบัวชนิดนี้ควรมีปั๊มน้ำแรงดันสูงเพื่อให้น้ำที่ใช้นั้นไหลออกมาอย่างเพียงพอ และเลือกใช้ Rain shower ที่มีลักษณะเข้ากันกับแบบของห้องน้ำและสุขภัณฑ์ชิ้นอื่นๆ พร้อมติดตั้งให้อยู่สูงเหนือศรีษะไม่ต่ำกว่า 40 ซม.…

5 ทรงหลังคายอดนิยมสำหรับบ้านสไตล์รีสอร์ท

    หลังคา ส่วนประกอบหลักๆ ของบ้าน ที่เป็นเสมือนด่านหน้าต้านลม ฝน และแดด ดังนั้นการออกแบบ หรือเลือกแบบหลังคา จึงมีปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบ เพื่อให้ทรงหลังคาที่ได้เหมาะสมกับแบบบ้าน สภาพแวดล้อม และแข็งแรงทนทาน โดยทรงหลังคานั้นมีให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ และวันนี้ AYB คัดสรร 5 ทรงหลังคายอดนิยมที่ใช้กับบ้านสไตล์รีสอร์ทมาให้ชมและเลือกเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่กำลังคิดสร้างบ้าน 1. หลังคาทรงปั้นหยา (Hip Roof) เป็นทรงหลังคาที่มีลักษณะของผืนหลังคาทั้ง 4 ด้าน ลาดเอียงขึ้นไปชนกันบริเวณสันหลังคา แต่อาจมีความสั้น-ยาว ของผืนหลังคาแต่ละด้านไม่เท่ากัน และจะมีชายคาหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบตามความเหมาะสมกับแบบบ้าน เพื่อให้เกิดความสวยงาม และลงตัวมากที่สุด หลังคาทรงนี้พบสามารถใช้ได้กับบ้านหลากหลายสไตล์ เช่น สไตล์โมเดิร์น ร่วมสมัย หรือไทยประยุกต์ ข้อดีของหลังคาทรงทรงปั้นหยา : หลังคาทรงนี้มีระยะชายคาที่ยื่นยาวทั้ง 4 ทิศ ทำให้ครอบคลุมตัวบ้าน สามารถป้องกันแสงแดดและฝนได้รอบด้าน นอกจากนี้ตัวหลังคายังมีความสง่างามผสมความเป็นไทยสไตล์รีสอร์ทอีกด้วย  2. หลังคาทรงหน้าจั่ว (Gable Roof) หลังคาทรงนี้ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยรูปทรงของหลังคาที่สามารถจับประกอบกับแบบบ้านหลายๆ แบบได้อย่างลงตัว และไม่ค่อยเป็นปัญหากับการอยู่อาศัย…