สร้างบ้านให้สวย เก๋ เท่ ปัง สไตล์ต้องชัด จัดวัสดุให้เข้า Theme แม้แต่กระเบื้องก็มองข้ามไม่ได้ นอกจากต้องเลือกลายกระเบื้องให้เข้ากับสไตล์ของบ้านแล้ว ต้องคำนึงถึงการใช้งานด้วยเรียกได้ว่างานละเอียดเลยทีเดียว ฉะนั้นระหว่างรองานปูพื้นกระเบื้องที่เป็นงานลำดับท้ายๆ เรามาทำการบ้านกันหน่อยค่ะ ว่ากระเบื้องแต่ละประเภทเหมาะสมกับส่วนใดของบ้านบ้าง วันนี้ AYB Resort House นำเทคนิคมาฝากค่ะ
เลือกใช้กระเบื้องจากพื้นที่การใช้งาน
• งานภายนอก ควรเลือกกระเบื้องจากการใช้งานภายนอกก่อนอย่างเช่น ระเบียง หรือ ชายคา เน้นปูกระเบื้องแผ่นใหญ่ ตั้งแต่ 60*60 ซม. หากมีพื้นที่ที่ใหญ่ใช้กระเบื้องหลายแผ่นต้องระวังการปูไม่ให้เห็นรอยยาแนวมากเพราะจะดูขัดตา ส่วนผิวสัมผัสนั้นสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบ เงา มัน หรือ ด้าน แต่งานภายนอกข้อควรระวังก็คือ สภาพอากาศที่ร้อนก็อาจจะทำให้กระเบื้องนั้นระเบิดได้
• งานภายใน อย่างแรกเราต้องรู้ขนาดของห้องเราก่อน เช่น ถ้าห้องเล็ก ไม่ควรเลือกลายกระเบื้องที่เยอะและใหญ่ เพราะจะทำให้รู้สึกว่าห้องนั้นเล็ก อึดอัด ควรเลือกกระเบื้องที่สีอ่อน จะทำให้ดูกว้างขึ้น เช่น สีขาว สีครีม สีเทา ส่วนของขนาดกระเบื้องจะใช้แผ่นใหญ่ปูเลยก็ไม่ผิดหลัก แต่ควรให้ความสำคัญกับผิวสัมผัสให้มาก เน้น ความหนืด ด้าน เพื่อลดอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม มีเทคนิคการเลือกลายกระเบื้องคือ ไม่ควรเลือกเงามาก จะทำให้เห็นรอยฝุ่น หรือรอยเดินได้ง่าย หรือเลือกเป็นลายหินอ่อน เพื่อพลางสิ่งสกปรกเลยก็ได้เช่นกัน
• ห้องน้ำ หากทำห้องน้ำแบ่งโซนเปียก แห้ง กระเบื้องที่ใช้จะคนละประเภทกัน โดยต้องเน้นพื้นผิวที่ไม่ลื่นแต่ก็ต้องไม่ขรุขระมากเช่นกัน เพราะอาจจะยากเวลาทำความสะอาด กระเบื้องในโซนเปียกต้องไม่อุ้มน้ำ สามารถใช้ได้ทั้งกระเบื้องเซรามิกและแกรนิตโต้
• ห้องครัว ห้องนี้ไม่ค่อยต่างจากห้องน้ำเท่าไหร่นัก เพราะเน้นการทำความสะอาดที่ง่าย กระเบื้องต้องไม่ลื่น และต้องไม่ขรุขระมาก จะใช้กระเบื้องแผ่นเล็กหรือใหญ่ก็ได้ ซึ่งหากการสร้างบ้านนั้นผ่านบริษัทรับสร้างบ้านก็ถือว่าชีวิตง่ายขึ้นเยอะเพราะไม่ต้องปวดหัวทำการบ้านเรื่องชนิดและประเภทของกระเบื้อง
เมื่อเรารู้ขอบเขตการแบ่งโซนของการเลือกใช้กระเบื้องกันพอสมควรแล้ว มาดูกันต่อว่ากระเบื้องมีกี่ประเภท และพื้นที่ที่เราแบ่งกันข้างต้นเหมาะกับประเภทใดบ้าง
ประเภทของกระเบื้อง
1. กระเบื้องดินเผา เป็นรูปแบบพื้นที่นิยมในสมัยโบราณ เกิดจากการนำเอาดินไปเผาจนแข็งตัว มีสีน้ำตาล ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นธรรมชาติ เก็บความชื้นได้ดี ระบายความร้อนได้เร็ว ทำให้เย็นสบาย ผิวด้าน มีราคาถูก มีทั้งแบบเคลือบเงาและไม่เคลือบ เหมาะกับการทำพื้นตกแต่งสปา ยิ่งกับแบบบ้านสไตล์รีสอร์ทหากนำไปแต่งตามมุมต่างๆ จะยิ่งทำให้สไตล์ของบ้านชัดขึ้น แต่มีข้อเสียคือ การทำความสะอาดจะยากโดยเฉพาะกับดินเผาที่ไม่ได้เคลือบ เพราะคราบสิ่งสกปรกจะฝังลึก
2. กระเบื้องเซรามิก มีกรรมวิธีคล้ายกระเบื้องดินเผา เพราะขั้นตอนการทำก็คือการนำกระเบื้องดินเผาผ่านเตาเผาอีก 1-2 รอบ และนำไปเคลือบผิวให้เกิดลวดลายต่างๆ ที่สวยงาม กระเบื้องประเภทนี้จึงมีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย โดยจะถูกแบ่งประเภทไว้ใช้สำหรับปูพื้นและปูผนัง เวลาเลือกซื้อจึงควรเลือกให้ถูกประเภท
3. กระเบื้องโมเสก เป็นกระเบื้องที่มีขนาดเล็ก โดยทั่วไปจะไม่เกิน 4×4 นิ้ว มีลักษณะเป็นแก้วใส นิยมนำมาใช้ตกแต่ง เพื่อเพิ่มความสวยงามในส่วนต่างๆ ของบ้าน แต่มีความแข็งแรงและทนทานน้อย จึงไม่นิยมนำมาปูพื้นบ้าน
4. กระเบื้องแกรนิตโต้ ผลิตจากผงหินแกรนิตที่นำมาอัดขึ้นรูปแผ่นกระเบื้องและผ่านความร้อนสูงถึง 1,300 องศาเซลเซียส จึงทำให้กระเบื้องชนิดนี้มีความทนทานสูง เทียบเท่าหินแกรนิต ติดตั้งง่าย ทั้งยังมีการเคลือบเงา ทำให้พื้นดูมันเงา กว้างขวางมากขึ้น มีสีสันและขนาดให้เลือกหลากหลาย ทำความสะอาดคราบต่างๆ ได้ง่าย จึงเหมาะกับการทำพื้นห้องครัวอย่างมาก
5. กระเบื้องพอร์ซเลน คือกระเบื้องเคลือบ การดูดซึมน้ำของกระเบื้องชนิดนี้ต่ำมาก แข็งแรงและทนทานต่อแรงเสียดสีการขีดข่วนจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาบุผนังหรือปูพื้นทั้งภายในและภายนอกอาคาร สามารถพิมพ์ลายต่างๆ ลงไปบนผิวของกระเบื้องได้
6. กระเบื้องแก้ว จะมีความใส โปร่งแสง และมันวาวมาก มีทั้งแบบแผ่นและแบบโมเสก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนำมาใช้สำหรับการตกแต่งผนังภายในหรือภายนอกรวมทั้งสระว่ายน้ำ เพราะมีอัตราการดูดซึมน้ำที่ต่ำมาก
แม้ว่าการเลือกวัสดุลวดลายต่างๆ ของบ้านจะเป็นสิ่งที่เราสามารถเลือกตามความชอบได้ แต่ด้วยความเฉพาะของวัสดุ กระเบื้องและพื้นที่ก็ยังคงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการเลือกอยู่ดี การหาข้อมูลเบื้องต้นจึงอาจจะทำให้เราพอรู้แนวทางในการเลือกวัสดุให้เหมาะกับบ้าน และสื่อสารหรือคุยกับทีมออกแบบและทีมช่างได้เข้าใจตรงกันง่ายขึ้น