เตรียมตัวอย่างไร ก่อนตรวจรับบ้าน

  การตรวจรับบ้าน ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการตรวจผลงานสร้างบ้าน และรายละเอียดต่างๆ ของงานสร้างบ้าน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่เจ้าของบ้านควรให้ความสำคัญอย่างละเอียดก่อนลงนามรับบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปหากเจ้าของบ้านเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ก็จะได้เห็นผลงานและตรวจงานสร้างตามลำดับขั้นตอนอยู่แล้ว จนเมื่อบ้านสร้างเสร็จสิ่งที่ต้องตรวจคือรายละเอียดตัวบ้านทั้งหลัง ฟังก์ชันการใช้งานส่วนต่างๆ รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ดังนั้นมาดูกันว่าก่อนตรวจรับบ้านนั้น เจ้าของบ้านควรเตรียมพร้อม และเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้ไม่พลาดและได้บ้านที่มีคุณภาพมาตรฐาน เตรียมตัวก่อนตรวจรับบ้าน การตรวจรับบ้านอาจใช้เวลานาน เพราะต้องลงรายละเอียดในทุกๆ ส่วน ดังนั้นควรนัดเวลาตรวจรับเป็นช่วงเช้า และเจ้าของบ้านควรเตรียมพร้อมด้านการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการตรวจรับบ้าน จุดไหนควรเน้นเป็นพิเศษ หรือต้องให้เวลาให้ความสำคัญ รวมทั้งควรเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการตรวจรับ ทั้งนี้เจ้าของบ้านอาจเลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจรับบ้านแทนในเรื่องรายละเอียดทางเทคนิคต่างๆ พร้อมๆ กับที่เจ้าของบ้านคอยดูในภาพรวม เพื่อให้ได้คุณภาพมากที่สุด 10 Checklists เพื่อตรวจรับบ้านอย่างมีมาตรฐาน 1. งานนอกบ้าน เป็นการตรวจสอบพื้นที่ส่วนของรั้ว ประตูรั้ว ดินถมรอบบ้าน สวน ระบบสระน้ำ ที่จอดรถ ทางเดินนอกบ้าน และ การระบายน้ำ โดยตรวจสอบความแข็งแรงของงานก่อสร้างทั้งหมด รวมถึงระบบต่างๆ ที่ต้องใช้งานได้อย่างดี 2. งานโครงสร้าง เป็นการตรวจสอบส่วนของเสา คาน ผนัง หรือส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างอาคาร ซึ่งสำหรับการสร้างบ้านเอง ส่วนนี้จะถูกตรวจสอบตั้งแต่ในขั้นตอนของการสร้างที่มีการกำหนดไว้ตามแผนงานของบริษัทรับสร้างบ้านอยู่แล้ว…

8 เทคนิคควรรู้ คุมงานสร้างให้ได้บ้านตรงตามแบบ

  บ้านเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง การจะมีบ้านสักหลังจึงไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจหรือสร้างได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะบ้านที่เจ้าของต้องการปลูกสร้างและควบคุมการสร้างบ้านด้วยตัวเอง มีเทคนิคควรรู้ต่างๆ ที่เจ้าของบ้านควรรู้ เพื่อคุมงานสร้างให้ได้บ้านตรงตามแบบ เทคนิคคุมงานสร้างให้ได้บ้านตามแบบ 1. เลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นมืออาชีพ ก่อนถึงขั้นตอนการสร้าง เจ้าของบ้านควรควบคุมและเลือกคนทำงานที่เป็นมืออาชีพ โดยงานสร้างบ้านนี้เป็นงานใช้งบสูง การเลือกใช้บริษัทรับสร้างบ้านมาดูแล จะช่วยผ่อนแรงให้กับเจ้าของบ้าน ที่สำคัญมีแบบบ้านให้เลือก หรือออกแบบให้ได้ตามต้องการ พร้อมมีทีมทำงานที่มีฝีมือ และมีความน่าเชื่อถือให้วางใจได้ว่าไม่ทิ้งงานกลางคัน และได้บ้านตามแบบที่วางไว้อย่างแน่นอน 2. เลือกทีมงานที่มีความชำนาญและมีฝีมือ นอกจากการมองหาบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความเป็นมืออาชีพแล้ว การเลือกทีมทำงานที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญในแบบบ้านที่อยากจะสร้าง ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้งานสร้างบ้านนั้นเป็นไปตามแบบได้อย่างสมบูรณ์ หมดปัญหาเรื่องบ้านไม่ตรงปกอย่างแน่นอน ทั้งนี้เจ้าของบ้านอาจขอดูผลงานสร้างบ้านของทีมงานที่จะพิจารณาเลือก เช่นผลงานการออกแบบของสถาปนิก ผลงานการความงานสร้างของวิศวกร หรือผลงานการลงรายละเอียดดีเทลที่ละเอียดอ่อนของทีมช่าง 3. ความต้องการที่ชัดเจนตัวช่วยการออกแบบ เมื่อเจ้าของบ้านเลือกผู้ที่จะมาออกแบบบ้านและสร้างบ้านได้แล้ว แม้จะมีแบบบ้านอยู่ในใจ หรือเลือกแบบที่ชอบได้แล้ว แต่ก็ควรบอกความต้องการต่างๆ ที่เกี่ยวกับบ้าน และเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ ความชอบ และลักษณะการใช้ชีวิตของสมาชิกทุกคนให้กับทีม เพื่อให้ได้บ้านตามแบบมากที่สุด และรองรับการอยู่อาศัยของทุกคนมากที่สุดด้วย 4. ทำความเข้าใจสไตล์ และแบบบ้านที่ต้องการ การทำความเข้าใจแบบบ้าน และความแตกต่างของบ้านแต่ละสไตล์ จะช่วยให้เจ้าของบ้านเห็นภาพรวมของแบบบ้านเป็นภาพเดียวกับทีมสถาปนิก เช่น อยากบ้านสไตล์รีสอร์ที่มีความเป็นโมเดิร์น หรือคลาสสิก หรือผสมผสานความเป็นไทย ส่วนนี้จะทำให้แบบบ้านในฝันที่วางไว้ ชัดเจนมากขึ้น…

6 เทคนิคแต่งบ้านบรรยากาศเหมือนพักผ่อนรีสอร์ทส่วนตัว

  บ้านสไตล์รีสอร์ทเป็นบ้านที่เน้นการตกแต่งบรรยากาศในบ้านให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเหมือนพักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สดชื่น ผ่อนคลาย ในรีสอร์ทส่วนตัว โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ไหนไกล ดังนั้นการสร้างบรรยากาศที่จำลองความเป็นรีสอร์ทและธรรมชาติ จึงมีเทคนิคและองค์ประกอบสำคัญต่างๆ ที่ไม่ควรมองข้าม เทคนิคง่ายๆ แต่งบ้านสไตล์รีสอร์ท 1. พื้นที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ บ้านสไตล์รีสอร์ทนอกจากการออกแบบภายในตัวบ้านที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานแล้ว ยังเน้นการเปิดมุมมองเชื่อมโยงจากภายในสู่ภายนอก ด้วยประตู หน้าต่าง บานใหญ่ หรือช่องเปิดที่ทำให้ทุกๆ มุมของบ้านสามารถมองเห็นวิวสวนสวยๆ พื้นที่สีเขียว หรือสระว่ายน้ำภายนอกได้ชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของบ้านก็รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และมีชีวิตชีวา 2. ใส่ช่องเปิดรับแสงธรรมชาติ การมีช่องเปิดรับแสงธรรมชาติ ให้เข้าถึงพื้นที่ภายในบ้าน จะช่วยสร้างบรรยากาศของการอยู่อาศัยท่ามกลางธรรมชาติให้ดูลื่นไหลและกลมกลืนมากขึ้น ทำให้ภายในบ้านอบอวลด้วยบรรยากาศของความอบอุ่น 3. ห้องนอนมีช่องเปิดรับธรรมชาติ ในบ้านสไตล์รีสอร์ท ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าถึงความเป็นธรรมชาติโดยรอบบ้านได้ แม้ในห้องนอนเองที่สามารถทำช่องเปิดเพื่อสร้างมุมมองสู่ธรรมชาติภายนอก หรือถ้าบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวางอาจสร้างสวนส่วนตัวไว้ข้างห้องนอน ทำให้สามารถใช้เป็นมุมพักผ่อน ทำงานอดิเรก ดูหนัง ฟังเพลง ในบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติได้อย่างเต็มที่โดยไม่ถูกรบกวน 4. เติมพื้นที่สีเขียวภายในห้องน้ำ แม้ในพื้นที่ส่วนตัวมากๆ อย่างห้องน้ำ ก็สามารถสร้างพื้นที่สีเขียวไว้ภายในได้ โดยบางคนอาจใช้เวลาผ่อนคลายอยู่ในห้องน้ำนานๆ การมีสีเขียวของแมกไม้ธรรมชาติแต่งแต้มไว้ภายใน ก็จะช่วยเสริมให้รู้สึกถึงความผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งนี้การสร้างพื้นีท่สีเขียวในห้องน้ำ จะต้องมีช่องเปิดเพื่อรับแสงลดความอับชื้น และมีส่วนบังตาเพื่อความเป็นส่วนตัว 5. สร้างพื้นที่อเนกประสงค์ท่ามกลางธรรมชาติ…

เคล็ดลับแต่งบ้านสวยสไตล์ Eco

  หากพูดถึงเทรนด์สร้างบ้านและตกแต่งบ้านในปัจจุบัน หนึ่งเทรนด์มาแรงที่เรียกว่าตอบโจทย์สถานการณ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันเลยก็คือการแต่งบ้านแบบ Eco House ที่ผสานการใช้ชีวิตของการอยู่อาศัยให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติมากที่สุด รบกวนสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด มาดูกันว่าแนวทางการแต่งบ้านแบบ Eco ที่น่าสนใจเป็นอย่างไร และมีเคล็ดลับอะไรที่คนรักธรรมชาติไม่ควรพลาด   บ้านสไตล์ Eco คืออะไร? การหวนคืนสู่ธรรมชาติ ทำให้เทรนด์การแต่งบ้านสไตล์ Eco (Ecological Design) หรือบ้านที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้รับความนิยม โดย Eco House นั้นคือการสร้างบ้านโดยมีการวางแผนระบบต่างๆ ภายใน และการออกแบบการสร้าง รวมถึงการตกแต่งโดยรวมเป็นไปอย่างคำนึงถึงความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมโดยรวมมากที่สุด รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการสร้างบ้านที่เอื้อให้เกิดการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน   เคล็ดลับแต่งบ้านสวยสไตล์ Eco 1. ตำแหน่งบ้านเหมาะสม รับลม-แสง ธรรมชาติ การแต่งบ้างสไตล์ Eco ที่ดีที่สุด ควรเริ่มต้นที่การออกแบบและจัดวางตำแหน่งบ้านให้อยู่ในทิศทางที่รับแสงแดด และลมธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนที่ควรรับแสงอ่อนๆ ยามเช้า หรือห้องครัว ห้องซักล้าง ที่ควรอยู่ทิศตะวันตก เพื่อรับแสงเต็มที่ จะช่วยลดความชื้นภายในได้ ขณะเดียวกันตัวบ้านควรมีช่องเปิดที่สามารถรับลมธรรมชาติ และสามารถถ่ายเทอากาศจากภายในสู่ภายนอกได้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้อากาศหมุนเวียนดี และลดความร้อนในบ้าน 2. พื้นที่สีเขียว 30% เพื่อบ้านเย็น…